https://spirit-heart.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 บารมี story

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

22 ปี "เป็นคนมีองค์" ep. 6 - 7 รับขันธ์ 16 ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์@อัศจรรย์ใจที่ศาลพระกาฬ




เดินทางไปด้วยสปรินเตอร์ ลงที่สถานีรถไฟเมืองลพบุรี มีเพื่อนที่ทำงานสระบุรีมารอรับ
แล้วก็พากันมุ่งหน้าไปที่อนุสาวรีย์ฯเพื่อรับขันธ์ ซึ่งได้เตรียมพานธูปเทียน 16 ดอกไปด้วย
ได้แวะซื้อดอกบัวก่อนไปอนุสาวรีย์แล้วจัดใส่พาน ตั้งจิตอธิษฐานและได้นำขี้เถ้าธูปเทียน
ตรงกระถางหน้าอนุสาวรีย์ 1 ขันเงินเล็กๆ นำวางบนพานขันธ์ครู 16 นึกเป็นมวลสารไว้บูชา




เมื่อรับขันธ์มาจากลพบุรีแล้ว เราก็ได้กลับไปที่ตำหนักเจ้าปู่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อสอบถามว่าที่
ได้ไปรับขันธ์มานั้นถูกต้องเรียบร้อยดีหรือไม่? ปรากฎว่าที่ไปมาในครั้งนี้ไม่ใช่สถานที่ถูกต้อง
ให้เดินทางไปอีกครั้ง!นำดอกไม้ธูปเทียนไปอัญเชิญองค์ท่านที่"ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ" ซึ่งเป็น
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิมที่มีดวงจิตพระพระองค์ท่านสถิตอยู่ อนุสาวรีย์นั้นเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่

อีกเดือนถัดไปเราจึงได้ไปที่ศาลเจ้าพ่อพระกาฬอีกครั้งหนึ่ง! ด้วยใจที่คิดหนักหวั่นวิตก.🙏
เพราะเป็นการไปที่ศาลเจ้าพ่อพระกาฬเป็นครั้งแรก เคยแต่นั่งรถไฟและรถยนต์ผ่านไปมา
หลายครั้ง ได้เห็นคนเข้าไปไหว้กันมาก บริเวณศาลนั้นก็มีลิงอยู่จำนวนมากมาย เพื่อนมารับ
อีกครั้งหนึ่งและพูดกับเราว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ คนที่นี่เขานับถือเจ้าพ่อพระกาฬกันมากๆ"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ ลพบุรี"

ep. 7  อัศจรรย์ใจเมื่อไปรับขันธ์ที่ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ(อีกครั้ง)

เมื่อมีคนทักมาอย่่างนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกใจไม่ดีเลย แต่ด้วยใจแน่วแน่ที่จะทำการรับขันธ์ให้สำเร็จ
ก็ตอบเพื่อนไปว่า "ก็ไม่ได้มาเล่นๆรึมาลบหลู่ มาด้วยความเคารพศรัทธาด้วยใจอันบริสุทธิ์นะ"
พอถึงหน้าศาลก็ได้บูชาดอกไม้พวงมาลัยดาวเรือง และได้นำธูปเทียน 16 มาจากบ้านเพิ่มเติม
ก้าวขึ้นบันไดศาลเจ้าพ่อพระกาฬไปด้วยใจอันระทึก! เห็นผู้คนนำผลไม้ของมาแก้บนเป็นถาดๆ

คนเยอะมากๆ และเห็นลิงหลายตัวเอื้อมมือเข้ามาหยิบผลไม้จากทางช่องหน้าต่าง เราขึ้นไป
ยืนรอที่ว่างตรงหน้ากระถางธูปใหญ่เพื่อจะจุดธูปเทียนที่ได้เตรียมมา ระหว่างรอก็สังเกตุเห็น
กระถางธูปใหญ่ที่เตรียมไว้สำหรับปักธูปลงไปนั้นก็น่าจะมีอยู่ประมาณ 3 กระถาง และมีคนนั่ง
 ถือธูปไหว้ควันโขมงอยู่ตรงหน้ากระถางธูปนั้นเต็มไปหมด เขาไหว้เสร็จก็ปักธูปลงบนกระถาง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ จุดธูปเทียนไหว้เจ้าพ่อพระกาฬ ลพบุรี"

แล้วเราก็เห็นคนที่ดูแลศาล 2 คน ได้เดินมาเก็บก้านธูปที่ปักลงบนกระถางนั้น ลงไปในถังที่ถือ
มาด้วยในทันที เก็บกันอย่างรวดเร็วแทบต่อหน้าคนไหว้ จนกระถางธูปทุกจุดโล่งสะอาดไม่มีธูปปัก
บนกระถางให้เห็นแม้แต่ดอกเดียว ซึ่งเป็นจังหวะที่เราเดินเข้าไปหน้ากระถางและกำลังอธิษฐานอยู่
พอดีเลย ใจหนึ่งคิดขึ้นมาว่าแล้วถ้าเราปักธูปลงไปในกระถางแล้วเขามากวาดธูปเราออกไปละ !?

เราจะทำอย่างไรกันดี? แล้วที่มาจุดธูปเทียนอัญเชิญองค์ท่านในวันนี้จะสำเร็จหรือไม่? อีกใจหนึ่ง
ก็คิดขึ้นมาทันทีว่า.."เมื่อได้ตั้งใจจุดธูปเทียนอธิษฐานเสร็จแล้ว จะมาเก็บธูปออกไปก็ไม่เป็นไร ถือ
ว่าเราได้ทำเสร็จเรียบร้อย อย่าไปคิดติดใจเรื่องอะไรอีกเลย! คิดได้ก็ตั้งจิตมีสมาธิอธิษฐานไปจน
เสร็จเรียบร้อยก็ได้ปักธูปลงไปบนกระถางธูปใบที่ตั้งอยู่ตรงหน้า รู้สึกมหัศจรรย์ใจ!ว่า ณ ช่วงเวลานั้น

ไม่เห็นมีคนใดมานั่งไหว้ตรงหน้ากระถางธูปที่เหลืออยู่ข้างเราแม้แต่คนเดียว แล้วก็ไม่เห็นคนดูแล
เดินมาเก็บธูปเราไปแต่อย่างใด มันช่างเป็นเรื่องที่น่าพิศวงมาก! จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ
ว่า"ลูกได้มายังสถานที่นี้ด้วยใจอันบริสุทธิ์ศรัทธา จึงอยากรู้ว่าท่านรับรู้หรือไม่และผลเป็นอย่างไรบ้าง!
ได้เสี่ยงเซียมซีขอท่านจงบอกให้ลูกได้รับรู้ด้วยเถิด" แล้วสิ่งอัศจรรย์ใจก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ใบที่ ๑.
 
เซียมซีใบที่ ๑.
........กษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งสนมเอกยอดนารี ชื่อว่าพระนางปทุมวดีนาถ .........



ปล. ได้ซูมอ่านจากรูปใบเซียมซีที่หามาจากเน็ตแล้วเห็นข้อความไม่เหมือนกับที่เราได้มา!

 ใบเซียมซีนี้เราได้เก็บมาเป็นเวลานานมาก ย้ายไปหลายแห่งหนก็ไม่เคยหายไปจากสายตาเราเลย
เมื่อเดือนที่แล้วยังได้เห็นและหยิบขึ้นมาอ่านอยู่เลย อ่านเสร็จก็เก็บเข้าไว้ในแฟ้มเอกสารหนึ่ง แต่วัน
สองวันมานี้หลังเขียนบทความตอนนี้เสร็จ ก็ไปหาเพื่อจะถ่ายภาพไว้นำมาลงในบล็อกเพื่อใช้อ้างอิง
ที่มาที่ไปเพื่อแสดงความจริงใจต่อผู้อ่านว่าเรื่องที่เขียนเกิดจากประสบการณ์จริงไม่ได้เป็นเรื่องมโน

แต่พยายามค้นหามา 2 วัน หายังไงก็ไม่เจอวนหาตามแฟ้มตามอัลบั้มรูปไปสามรอบ
 บทความก็เขียนเสร็จแล้วยังไม่ได้โพสต์ เกรงใจผู้ที่รอติดตามอ่านตอนต่อไป วันนี้
จึงตัดสินใจเผยแพร่บทความ ep. 6 - ep. 7 ไปก่อน ก็ต้องขออภัยท่านผู้อ่านเป็นอย่างยิ่ง
เอาไว้วันไหนเราหาเจอก็จะถ่ายภาพเซียมซีใบนี้มาอัปเดตให้ดูกันอีกครั้งหนึ่้ง!นะคะ.



ปล. เป็นความเชื่อส่วนบุคคล และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!

โปรดติดตามตอนต่อไป...

22 ปี "เป็นคนมีองค์" ep. 8 ปี 2562 เพิ่งค้นหาจากเน็ต "นางปทุมวดีนาถ" มีหรือไม่!?

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

22 ปี "เป็นคนมีองค์" ep.5 ตามหาผู้ให้คำตอบ"องค์ที่ปรากฎทางนิมิต"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอกบัวสด

หลายวันต่อมาได้เจอกับพี่ไร จึงพามานั่งคุยกันที่ห้องทำงาน ได้เล่าความเป็นมาที่ถูกทักมาว่า
มีองค์ตามสายญาณและได้นั่งสมาธิแล้วเห็นองค์ท่านมาปรากฎให้เห็นในนิมิตนั้น เมื่อพี่ไรได้ฟัง
ความเป็นมาในเรื่องนี้แล้ว จึงได้พูดขึ้นว่า "ตอนที่พี่นั่งฟังนั้นพอจะรับรู้ได้บ้างว่าท่านเป็นกษัตริย์"
สมัยโบราณนานมาแล้ว คิดว่าหัวหน้าคงได้เคยพบเห็นไปสักการะท่านที่อนุสาวรีย์มาบ้างแล้วนะ 

"ตัวหัวหน้าเองเมื่อชาติก่อนโน้นคงเคยใกล้ชิดเป็นสนมเอกอะไรอย่างนั้น" แต่ถ้าจะให้รู้ลึกชัดเจน
ต้องถามผู้รู้เรื่องนี้ดีสามารถสื่อสารกับท่านได้ พี่จะพาไปสถานที่หนึ่งเป็นตำหนักเจ้าปู่สันพระเนตร
ที่อดีตชาตินั้นเป็นนักรบ ร่างทรงเป็นผู้หญิงที่รู้และทายทักออกมาได้แม่นมาก แต่วันพระไม่ทรง
เราได้ตกลงนัดกันว่าจะไปหาเจ้าปู่ในอีกสามวันข้างหน้า พอถึงวันนัดเราก็ได้พากันไปที่ตำหนักนั่น!

การมาของเราครั้งนี้ไม่สำเร็จ เนื่องจากร่างทรงที่เป็นผู้หญิงมีรอบเดือนจึงไม่สามารถลงทรง จึงได้
นัดกันไปอีกครั้งสัปดาห์ถัดไปถึงสามารถทรงเจ้าได้สำเร็จ  พ่อปู่ทักขึ้นมาว่าองค์เทพที่ผ่านจิตเรานั้น
เป็นกษัตรย์นักรบปรากฎให้เห็นด้วยชุดเสื้อสีแดงกางเกงสามส่วนแถบดิ้นทองใส่รองเท้าปลายงอนๆ
พ่อปู่บอกมาด้วยคำพื้นเมืองโบราณง่ายๆ บอกเราว่าที่ผ่านมาไม่นานได้นั่งรถผ่านอนุสาวรีย์องค์นี้แล้ว

เห็นเรายกมือไหว้อนุสาวรีย์พระองค์ท่านอยู่เลย เราก็นึกว่าอนุสาวรีย์แถวบ้านเราใช่มั่ย?  เชียงใหม่
หรือเชียงรายรึเปล่า เจ้าปู่บอก"ไม่ใช่" อยู่ไกลมากจากทางเหนือและองค์พูดอะไรทำไม! คือคนเหนือ
มักพูดถึงคนภาคกลางว่าเขาพูดอะไรทำไม เราจึงเข้าใจทันทีว่าอนุสาวรีย์นั้นต้องอยู่ภาคกลาง จึงนึก
ออกว่าตอนอยู่ที่ทำงานลำพูนช่วงก่อนจะย้ายเข้ามาเชียงใหม่ เรากับหัวหน้าป้องกันฯได้เดินทางไป

ฝึกอบรมกู้ภัยโรงแรมสูงที่พัทยา ได้นั่งรถทัวร์จากลำพูนไปถึงเมืองลพบุรีตอนดึก ก่อนรถเข้าไป
ที่ขนส่ง รถทัวร์ก็จะวิ่งผ่านอนุสาวรีย์ฯ ที่เห็นเด่นเป็นสง่าสะดุดตามากๆ เราจึงได้ยกมือไหว้สักการะ
พ่อปู่บอกว่าใช่! เป็นอนุสาวรีย์นี้แหล่ะ จึงบอกให้เราไปรับขันธ์ตรงด้วยตัวเองที่นั่นใช้ดอกบัวขาว ธูปเทียนอย่างละ 16 วางบนพานทองใช้ผ้าขาวห่อพานไว้ให้เรียบร้อย ตอนเดินทางกลับมาเชียงใหม่.

"ขอบคุณรูปภาพประกอบการเล่าเรื่อง"
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ภาพงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รองเท้า กษัตริย์
ฉลองพระบาทเชิงงอน



ปล. เป็นความเชื่อส่วนบุคคล และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!

โปรดติดตาม ep. 6 เดินทางไปรับขันธ์ที่อนุสาวรีย์ฯ เมืองลพบุรี

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

ในคืนหลอน@ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ยิน "เสียงเปรตหลังวัด"


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เปรตหลังวัด

10 ปีก่อน ได้ไปซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่ติดกับทางสามแยก เป็นถนนหลังวัดห่างจากถนนวงแหวนรอบ 3
สองสามร้อยเมตร วันนั้นบริเวณรอบๆวัดมีชาวบ้านพากันมาพัฒนาเพื่อเตรียมงานพิธีบวงสรวงหล่อพระเจ้าทันใจจำนวนมาก ส่วนเราก็ได้ทำความสะอาดถนนหน้าบ้าน และได้นำยันต์กระจกแปดเหลี่ยม
ติดขอบบนผนังห้องนอกบ้านหันไปยังที่ดินโล่งหลังวัด เพื่อช่วยปรับแก้ฮวงจุ้ยทาง 3 แพร่งหลังวัด

พอถึงตอนเย็นชาวบ้านที่มาช่วยเตรียมงานวัดต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน เราจึงปิดประตู้รั้วเข้าบ้าน
กินข้าวพักผ่อน บรรยากาศในคืนนั้นรู้สึกได้ถึงความเงียบสงัดและวังเวงทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่
แทบไม่ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นผ่านถนนในบริเวณใกล้เคียงนั้นเลย ห้องนอนเราอยู่ติดกับถนนซอยหลัง
วัด ช่วงไหล่ทางเป็นดินกว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งเราได้ปลูกต้นดอกพุดดอกกุหลาบไปตามแนวรั้วบ้าน

ผนังปูนตัวบ้านที่อยู่ติดถนนหลังวัดนี้มีประตูไม้เป็นทางออกอยู่หนึ่งบาน ส่วนด้านบนก่อเป็นบล็อกโปร่ง
ตลอดแนวและมีมุ้งลวดปิดกันยุงไว้เรียบร้อย ห้องมุมด้านนี้จึงจัดเป็นห้องนอนใหญ่ที่เราใช้นอน คืนนั้น
ได้เข้านอนประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ ล้มตัวลงนอนไปได้ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเอิ๊ยด!.ยาวๆแหลมเล็กดังขึ้น!
ดังมาเป็นระยะเสียงมาไกลเหมือนดังมาจากถนนวงแหวนที่โอบพื้นที่ดินว่างตรงข้ามห้องนอนทีแรกนั่น

คิดว่าเป็นเสียงเบรคของรถจักรยานรึไม่ก็เป็นเสียงเบรคจากคนถีบสามล้อที่แล่นมาเร็วและเบรครถ
ยาวๆแต่เสียงแบบนี้มันกลับดังขึ้นต่อเนื่องกันหลายครั้งจนรู้สึกผิดสังเกตุ ไม่ใช่ละ!รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ใจนึกถึงเปรตขึ้นมาทันที!เคยได้ยินเขาเล่าบอกกันมาว่าเปรตมีปากแหลมเล็กเท่ารูเข็มอยู่บริเวณวัด
เสียงนั้นยังดังมาอย่างต่อเนื่องใจหนึ่งก็อยากรู้อยากเห็นว่าเสียงนั้นมันคืออะไร?เป็นผีเปรตจริงรึเปล่า! 

ผีเปรตมันจะมีรูปร่างสูงๆเหมือนต้นตาลอย่างที่เคยเห็นในรูปนั้นไหม!? คิดจะลุกขึ้นไปแอบมองดูตรงรูบล็อกโปร่งนั่นให้รู้แล้วรู้รอด แต่ใจหนึ่งก็กลัวที่จะได้เห็นเปรตตัวจริงขึ้นมาคิดตัดสินใจพักหนึ่ง สุดท้าย
ใจไม่แข็งพอเลยไม่ได้ลุกขึ้นไปดูที่ช่องบล็อกโปร่งที่อยู่ใกล้เหนือหัวเตียงนอน เพื่อดูไปที่ต้นเสียงนั้น
แค่ได้ยินเสียงก็ทำให้ขนหัวลุกแล้ว ถ้าได้เห็นเปรตตัวเป็นๆขึ้นมาจริง! คงไม่รอดที่จะจับไข้หัวโก๋นแน่ๆ


ผีเปรตปากเท่ารูเข็มส่งเสียงหวีดร้องโหยหวน

โปรดติดตาม 22 ปี "เป็นคนมีองค์" ep.5 ตามหาผู้ให้คำตอบ"องค์ที่ปรากฎให้เห็นทางนิมิต"

22 ปี"เป็นคนมีองค์" ep.4 ร้อนตัวร้อนใจ! จนอยากรู้องค์ที่ผ่านคือใคร?

การเล่าประสบการณ์ตรง"คนมีองค์" เริ่มเข้มข้นชัดเจนขึ้นเท่าใด การเขียนบรรยายให้ผู้อ่าน
ได้รู้พอนึกภาพออกก็เริ่มเขียนยากมากขึ้นเท่านั้น เป็นเส้นบางๆระหว่างอดีตชาติกับความงมงาย
เรื่องเหล่านี้ไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่เข้าใจได้ลึกซึ้งเท่าตัวเราพบเจอ ก่อนนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย
แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ เมื่อเกิดขึ้นมากับตัวเองทั้งท้าทายขอพิสูจน์จนรู้ว่าเรื่องราวต่างๆที่ทะยอยมาให้

ได้รับรู้นั้นน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงเริ่มเชื่อมากขึ้นๆ เรื่องราวเรียงร้อยกันมาถึงสิบปีเราถึงเชื่อเรื่อง
อดีตชาติจิตวิญญาณและเวรกรรมมีจริงเต็ม 100 จนมาถึงวันนี้ครบ 22 ปีที่ตัวเรา"เป็นคนมีองค์"
ทุกเรื่องราวที่ได้รู้มา! ทั้งเกิดขึ้นกับตัวเอง มีคนนั่งทางในเห็นอดีตชาติแล้วบอกให้รู้เป็นสิบๆคน แล้วยัง
สามารถค้นเจอบทความเรื่องเล่าตำนานในอดีตทุกแห่งหน ซึ่งสามารถนำมาเชื่อมโยงผูกพันกันได้!

ที่นำมาเล่ารู้ว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาในอดีตนานแสนนานเป็นร้อยเป็นพันปี
จึงยากที่จะหาหลักฐานเอกสารชัดเจนและพยานตัวตนมาอ้างอิงให้น่าเชื่อถือได้ ตายแล้วเกิดๆมากี่ภพ
กี่ชาติไม่รู้ว่าเกิดมาเป็นอะไรกันบ้าง?! คนที่ตายไปแล้วเกิดมาในชาตินี้สามารถระลึกชาติได้ก็มีน้อยมาก อย่างที่เคยได้รู้ข่าวกัน  ก็อีกนั่นแหล่ะคนมีหลากหลายความคิดนานาจิตตัง! ถึงตั้งใจไว้ว่าจะเขียนกลางๆ

เป็นความเชื่อส่วนตัวที่ได้พบเจอมาขอฝากไว้ เพียง" โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ " 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ชุดกษัตริย์สวมพระสนับเพลาสมัยอู่ทอง

ความเหน็จเหนื่อยอ่อนเพลียกับการร้อนที่อยู่นั้น ยังคงมีอยู่ทุกวันจนตัวเรารู้สึกทนไม่ไหว
ร้อนอกร้อนใจไปหมดไม่อยากอยู่ในสภาพนี้ ส่วนการทำบุญทำทานก็ยังคงทำอยู่เช่นปกติ
แต่การสวดมนตร์ไหว้พระนั่งสมาธินั้นไม่ได้ทำเลย รู้สึกมันยากและไม่มีพลังใจที่จะปฏิบัติ แต่
เมื่อความอดทนต่อความเป็นอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ไหวจึงรู้สึกโกรธจนไม่กลัวอะไรอีกต่อไป

ในความคิดมีแค่อยากรู้ว่า "องค์คือใคร? จะให้ทำอย่างไรถึงจะทำให้ร่างกายจิตใจมันดีขึ้น!"
หลังเลิกงานกลับเข้าที่พักอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไหว้พระสวดมนตร์(ตามบทสวด)แล้วนั่งสมาธิ
ทำจิตให้นิ่งไมวอกแวกไปได้สักพักหนึ่ง ก็ตั้งจิตอธิษฐานในใจว่า"ลูกไม่ไหวแล้วอยากรู้ว่า
องค์ที่จะมาผ่านตัวลูกนั้นคือใคร? และจะให้ลูกทำอย่างไรจึงขอปรากฎกายมาให้ลูกเห็นด้วย"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ชุดกษัตริย์สวมพระสนับเพลาสมัยอู่ทอง
(ภาพตัวอย่างประกอบเรื่องเล่า)

จิตตกอยู่ในพวังความเงียบสงบแล้วก็เห็นภาพชายหนุ่มยืนยิ้มแต่งกายชุดโบราณปรากฎขึ้น
ตรงหน้า แต่งกายด้วยชุดเสื้อเข้ารูปแขนยาวสีแดงดิ้นทองกางเกงแบบพระสนับเพลาดิ้นทอง
ท่าทางการยืนหลังตรงดูงามมีสง่าราศี รองเท้าสีทองปลายแหลมงอนขึ้น เราพูดถามขึ้นมา
ในใจทันที "คาดไว้ว่าองค์ท่านนั้นน่าจะเป็นคนแก่ แต่ทำไมท่านยังดูหนุ่มแน่นและสง่างามมาก"

ท่านตอบเรามาเป็นภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่อง เราจึงบอกไปว่าเราฟังไม่รู้เรื่องขอท่านชี้แนะให้ว่า
เราควรจะไปถามเรื่องนี้กับใครดี? ในทันทีเราก็เห็นใบหน้าของพี่ไร ปรากฎขึ้นมาเป็นพี่ที่ทำงาน
ต่างกอง พอรู้ว่าพี่คนนี้ชอบเข้าวัดฟังธรรมและนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่ทำงานมาก เมื่อได้รู้ตัวคนกลางที่จะเป็นผู้ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้แล้ว จึงกราบลาท่านก่อนออกจากสมาธิในคืนนั้น!


โปรดติดตามอ่านเรื่องเล่า(คั่น)หลอนๆ...ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ยิน " เสียงเปรตหลังวัด! "

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

22 ปี"เป็นคนมีองค์" ep.3 รู้ว่าเป็น*คนมีองค์*


ขอเล่าเรื่อง! โดยย้อนเวลาไปเมื่อประมาณ ปี 2543

เมื่อปรึกษารู้เรื่องแล้วก็พากันไปที่สำนักปฏิบัติธรรมพระแม่กวนอิม เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่
ไม่ต้องเสียเงินค่าอะไร ธูปเทียนดอกไม้ก็มีให้ใช้ไม่ต้องซื้อมา มีผลไม้ที่เขาลาแล้วไว้ให้กิน
บอกอาการท่านและคิดว่าอาจจะโดนของมนต์ดำ ท่านให้เรานั่งหลับตาปล่อยตัวปล่อยใจให้
สบายๆ ไม่ต้องเกรงแล้วถ้าร่างกายเรามันจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ปล่อยอย่าฝืนตัว

นั่งแบบนั้นไปสักพักรู้สึกตัวจะโอนเอนไปมา ทำให้เราตกใจพยายามบังคับตัวไว้ ท่านบอก
"อย่าฝืน! ปล่อยไปเลย" เราก็เลยปล่อยไม่บังคับร่างกายไว้ แล้วตัวเราก็นั่งแบบเอนไปมา
เหมือนกับ"ตุ๊กตาล้มลุก" คือเอนตัวหมุนไปรอบๆตัวเอง ขณะนี่นั่งและหลับตา หูก็ฟังท่านพูด
ภาษาเทพ คล้ายกับภาษาจีน สลับกับพูดภาษาไทยบอกว่า "ขอพระแม่ฯจงเปิดตาที่สามให้"

ท่านก็บอกว่าเราเป็น"คนมีองค์" เมื่อได้ยินประโยคนี้รู้สึกตกใจมาก! และไม่อยากเป็นแบบนี้
ใจก็นึกไปถึงคนทรงเจ้า ที่เคยเห็นมาตั้งแต่เด็กๆที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านเก่าคือบ้านของ"อุ้ยเอ้ย"
เป็นร่างทรงเจ้า มีเรือนไม้ใต้ถุนสูงอยู่หลังบ้านใช้ประทับทรงลงเจ้าเมื่อมีคนมาขอช่วยเหลือเรื่อง
เจ็บไข้ได้ป่วย หรือขอให้สื่อสารกับญาติพี่น้องคนที่ตายไปที่ไม่ได้สั่งเสียร่ำลากันเช่นอุบัติเหตุ

ตอนเด็กเคยไปแอบดู ตอนเจ้าจะผ่านเข้าร่างดูมันช่างทรมานและดูน่ากลัว!..เราก็ถามไปว่า
เป็นเจ้าทรงใช่มั้ย? ท่านตอบ "ไม่ใช่แบบนั้นเป็นองค์ตามสายญาณสื่อผ่านจิตเฉยๆ ไม่ได้
ประทับทรงลงทั้งตัว" เราเลยถามต่อไปว่า.."แล้วบอกได้ไหมค่ะว่าเป็นองค์อะไรที่มาผ่าน"
ท่านตอบ"บอกไม่ได้ให้เราปฏิบัติไหว้พระสวดมนตร์และทำบุญทำทาน เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตั้งโต๊ะไหว้ราหู

สิ่งแรกที่ต้องทำคือ..ในคืนวันพุธที่จะถึงนี้สองทุ่มให้เรานำของดำไปบูชาพระราหูกลางแจ้งก่อน
ซื่งตอนนั้นเราได้ย้ายมาเช่าบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่ไม่ไกลจากอพาทเม้นท์เดิมนัก ในบริเวณพื้นที่เช่า
จะมีบ้านไม้อยู่สองหลัง ริมถนนซอยก็จะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่เราเช่าอยู่ ถัดไปด้านหลังก็เป็นบ้าน
ไม้ใต้ถุนสูงด้านข้างเป็นดงกล้วย ที่มีนักศึกษาสองสามคนเช่าอยู่ก่อนแล้ว ตอนกลางคืนมันน่ากลัว

พอถึงเวลาสองทุ่ม! เราก็ตั้งโต๊ะเล็กวางของบูชาที่จัดหามาครบตามที่ร่างพระแม่บอกให้พร้อม
กับคำไหว้บูชา บอกตามตรงเราไม่คุ้นชินกับการไหว้ในยามค่ำคืนแบบนี้ รู้สึกใจสั่นกลัวบรรยากาศ
มันช่างเงียบสงบเสียเหลือเกิน ใจก็คิดถึงที่เขาบอกว่าเรามีองค์ แอบคิดตอนนี้องค์จะอยู่ใกล้ๆมอง
ในความมืดอยู่มั่ยนะ!👱 เมื่อธูปเทียนสีดำที่จุดดับก็รีบลาของกลับเข้าบ้านเช่ารีบเข้าห้องนอนทันที!


โปรดติดตามอ่าน ep.4 ร้อนตัวร้อนใจ! จนอยากรู้ว่า "องค์ที่ผ่าน" คือใคร?


ปล.ขอบคุณรูปภาพประกอบจากสถานปฏิบัติธรรมฯ , horoscope.mthai.com

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

22 ปี"เป็นคนมีองค์" ep.2.อาการกดดันร่างเมื่อองค์แฝงอึดอัด!

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คนมีองค์

หลังจากถูกหวยวันนั้น การเงินในชีวิตก็เริ่มดีขึ้นมีเครดิตกู้เงินจากธนาคาร
ปลายปี 2542 ย้ายกลับเข้ามาเชียงใหม่เมื่อได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น
ในที่ทำงานบรรจุรับราชการครั้งแรกอายุเพียง 19 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ซี 1 ในสมัยนั้น
ย้ายกลับเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารสำนักฯ ควบคุมลูกน้องมากกว่า 300 คน

ต้องพบกับรุ่นพี่น้องเพื่อนที่บรรจุเข้าทำงานพร้อมกัน ที่ต้องมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
การทำงานยากมีความกดดันสูงเกี่ยวกับการยอมรับ เจอความท้าทายทุกรูปแบบ
 ต้องปรับตัวสูงรับกับความรับผิดชอบระดับจังหวัด การทำงานทุกวันเครียดมาก
ครั้งนั้นได้รับผิดชอบเป็นแม่งานจัดเตรียมการประชุมใหญ่ประจำปีทั่วประเทศ

ช่วงนั้นมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของฝ่ายประจำเป็นผู้หญิงย้ายมารับตำแหน่งที่นี่
คาดว่าคงเป็น"คนมีองค์"เหมือนกันพื้นเพเดิมอยู่แถบชายแดนเขมร มีคุณไสย์ดำ
องค์ในหรืออาจเป็นของข้างในมันต้านกัน ซึ่งตัวร่างกายเรามิอาจจะรู้ได้ ดูเหมือน
เขาอยากจะข่มเราเพื่อให้อ่อนแอสยบยอมเชื่อฟังเหมือนเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์

ต่อหน้าเขาพูดดีหยิกแกมหยอก องค์ในของเราคงอยากมาช่วยป้องกันตัวเรามาก
แต่เราเองยังไม่รู้ว่าเราเป็น"คนมีองค์" จึงไปเช่าอาพาร์ทเม้นท์ 4 ชั้น อยู่ชั้น 2 ซึ่งอยู่ใต้
ของคนอาศัยอยู่ด้านบน องค์ในอึดอัดบีบคั้นให้เรารู้อย่างหนัก! เข้าห้องน้ำลื่นหัวฟาด
พื้น เข้าอยู่ในห้องไม่ได้เลยใจไม่อยากอยู่ ร้อนที่ร้อนตัวไปหมด ดูทีวีฟังเพลงไม่ได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิชาไสยดำ

วันนั้นรู้สึกเพลียมากออกจากที่ทำงานไปดูสถานที่จัดประชุมใหญ่ที่โรงแรมแถว
ไนท์บาซาร์เชียงใหม่ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่โรงแรมอยู่ดีๆ เจ้านายผู้หญิง
คนนั้นก็โทร.มาหาและให้เรากลับเข้าสำนักงานทันทีบอกมีเรื่องด่วน เรารีบนั่งรถ
กลับไปถึงสำนักงานอย่างด่วนเลย แต่เมื่อไปถึงบอกว่าไม่มีเรื่องอะไรละไปได้!!

ตอนเย็นนั่งรถกลับที่พักด้วยความอ่อนเพลียมาก คุยกับลูกน้อง พขร.ประจำตัว
เขาแนะนำว่าผมเคยเป็นนะ เมื่อได้เติมน้ำเกลือแล้วอาการดีขึ้นเลย เราลงจากรถ
ก้าวขาเดินเข้าที่พักแทบไม่ไหว ขาไม่มีแรงเลย คืนนั้นนอนก็ไม่หลับ พออีกวัน
ไปทำงานถึงตอนพักกลางวันเราจึงออกไปนอนเติมน้ำเกลือ ที่ศูนย์ฯสาธารณสุข

ขณะที่นอนพักเติมน้ำเกลืออยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์มาจากเจ้านายผู้หญิง เรียกเราให้
กลับเข้าสำนักงานด่วน เพื่อเข้ามารายงานการเตรียมการประชุมฯ เรามองไปที่น้ำเกลือ
ยังคงเหลือ จึงขอพยาบาลช่วยเร่งน้ำเกลือให้  แล้วรีบนั่งรถกลับเข้าสำนักงานทันที
มีคนมาพูดให้ฟังทีหลังว่า ไม่ควรไปเร่งน้ำเกลือนะเพราะอาจจะเกิดอาการช็อค!!ได้

เราคิดว่าร่างกายจิตใจไม่ไหวแล้ว คิดหาทางอยากแข็งแรงหายจากอาการแบบนี้
เพราะมีงานใหญ่ให้รับผิดชอบรอเราอยู่ในไม่กี่วันข้างหน้านี้....ทีแรกเราสงสัยว่า...
ตัวเองโดนของมนต์ดำน่าจะมาจากแฟนเก่าที่หย่ากันไปไม่นาน เพราะเขายังโทรมาง้อ
ขอคืนดีด้วย เลยปรึกษากับพี่ที่ดูแลเรื่องศาสนพิธีสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่ทำงาน

โปรดติดตามอ่าน ep.3 รู้ว่าเป็น"คนมีองค์"

22 ปี"เป็นคนมีองค์" ep.1 เริ่มต้นปี 2540 ย้ายที่ทำงานไปเมืองลำพูน


2540 ปีเริ่มต้นของ "คนมีองค์" ณ เมืองลำพูน



พื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ รับราชการท้องถิ่น ปี 2535 ย้ายไปเป็นผู้บริหารที่อุตรดิตถ์
ได้ตั้งท้องคลอดลูกสาวอายุครรภ์เพียงหกเดือนครึ่งที่ รพ. ปลายธันวาคม 2537 
ขึ้นงบฯปี 2539 ย้ายกลับมารับตำแหน่งสูงขึ้นที่เมืองลำพูน(เมืองเจ้าแม่จามเทวี)
ณ ช่วงเวลานั้นมีปัญหาเข้ามาในชีวิตมากมายเห็นอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
  
ต้องย้ายสถานที่ทำงาน ลูกยังเล็กใกล้จะ 2 ขวบ ย้ายไปทำงานลำพูน มีสภาพเหมือน
บ้านแตกแยกกันอยู่ ตัวเราทำงานที่ลำพูน ลูกสาวฝากแม่เลี้ยงที่ตัวเมืองเชียงใหม่
ส่วนพ่อของลูกกลับไปบ้านดูแลไร่สวนที่มีอยู่ที่ต่างอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่
ค่าใช้จ่ายแบ่งออกเป็น 3 บ้าน เงินไม่พอจ่าย งานรับผิดชอบสูงขึ้นต้องปรับตัวมาก

มีปัญหาในงานถูกใส่ความจากลูกน้องหัวหน้างานเจ้าถิ่น พ่อของลูกเจ้าชู้นำผู้หญิง
เข้าบ้าน จนจับได้ต้องไปหย่า มีหนี้สินเงินไม่พอใช้ อยู่บ้านเช่าหลังที่ทำงานลำพูน
เดินไปทำงาน ตอนเที่ยงต้องกลับมากินข้าวบ้านเพราะไม่มีเงินไปกินกับเพื่อนๆ
ในวันนั้น! มีเงินเหลือติดกระเป๋าอยู่สามร้อยกว่า แบ่งไปซื้อข้าวสารมาต้มกับหมูสับ


กินข้าวต้มทั้งวัน รู้สึกทุกข์ใจมากกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอง เห็นลูกน้อง
คนหนึ่งเคยเจอกันตอนทำงานที่เชียงใหม่ เป็นคุณนายตำรวจ ดูเขามีชีวิตที่สุขสบาย
ตอนนี้เขาย้ายมาทำงานบ้านเกิดลำพูน เขาชอบใช้เวลาตอนเย็นระหว่างรอรับลูกเรียน
เข้าวัดสวดมนตร์ เขาถือหนังสือสวดมนตร์เล่มเล็กๆมาให้ บอกว่าให้ใช้สวดมนตร์ทุกวัน

สวดมนตร์เป็นประจำแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น บอกให้ดูชีวิตครอบครัวเขามีความสุข
เราก็เชื่อคงจริงอย่างนั้น เพราะรู้เห็นความเป็นมาของคนนี้มาตลอดหลายปีแล้ว
พอกลับถึงบ้านพักในเย็นวันนั้นก็ตั้งใจจะเริ่มสวดมนตร์เพื่อชีวิตจะได้มีอะไรดีขึ้น
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หยิบหนังสือสวดมนตร์มาสวดๆ แบบตะกุกตะกัก ๆๆ


โห...!! ทำไมการสวดมนตร์มันช่างอ่านยากอ่านเย็นขนาดนี้ เขาสวดได้อย่างไรกัน!
กว่าจะอ่านจบ ขอใช้คำว่าอ่านก็แล้วกัน ใช้เวลานานมาก รู้สึกว่าการสวดมนตร์ยากจัง
เก็บหนังสือสวดมนตร์แล้วเข้านอน หลับไปด้วยความอ่อนเพลียใจกาย จนใกล้สว่างได้ยิน
เสียงผู้ชายพูดขึ้นมาข้างๆหู " ไปซื้อหวยถูก 320...023 " ตกใจตื่นเสียงใครมาพูดใกล้ๆ

มองไปรอบๆแล้วก็ไม่เห็นใคร อืมมม ! เราคงฝันไป ตื่นนอนไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดิน
ไปทำงาน เพื่อนร่วมงานลูกน้องก็พากันเดินเข้าห้องทำงาน แล้วก็พูดถึงเรื่องซื้อหวยกัน
บอกหวยออกวันนี้..ใครจะซื้อเลขไรกันบ้าง?  อ้าวเหรอ วันนี้หวยออก เลขที่ฝันยังจำได้
ติดหู อืมน่าจะซื้อสักหน่อยเผื่อถูก เปิดดูเงินในกระเป๋าเหลือสองร้อยกว่าบาทเอง

ตัดใจหยิบเงินซื้อหวยเลขท้ายรางวัลที่หนึ่งทั้งเต็งและโต๊ด เหลือเงินติดตัวไม่ถึงร้อย 
ถ้าไม่ถูกก็คงต้องกินข้าวต้มต่อไปแล้วกัน   พอตอนเย็นหวยออกตามเลขที่ซื้อจริงๆ
ถูกรางวัลทั้งเต็งทั้งโต๊ด ได้เงินรางวัลไปใช้ต่อชีวิตน่าจะสามพันกว่าบาท  เป็นเรื่องที่
น่าอัศจรรย์มากสำหรับตัวเอง ยังคงจำเหตุการณ์นี้ได้ขึ้นใจเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน.

เหตุการณ์นี้จึงเป็น[จุดเริ่มต้น !].....ของคนมีองค์ ! 

<<<โปรดติดตามอ่านตอนต่อๆๆไป>>>

เรื่องราวจากกาลเวลายาวนานของ"คนมีองค์" น่าทึ่งอัศจรรย์ใจ มีปาฎิหารย์ สิ่งลี้ลับ
ย้อนเรื่องราวอดีตชาติ มันอัดแน่นอยู่ในใจมากว่า22 ปี  จะค่อยๆเขียนทะยอยเล่าสู่กันฟัง
ทุกวัน จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง 100% ติดตามอ่านกันเป็นซีรี่ย์ได้เลยค่ะ.



วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กลัว ! การขจัดความ "กลัว" ออกไปให้ไกลตัวด้วย "สติ"

"ความรู้สึกกลัว!" มันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขณะจิตจากสิ่งกระทบรอบตัวเรา
เริ่มจากอาการวิตกกังวล แล้วเกิดความกลัว! กลัวมากขึ้นๆ

สภาพจิตใจไม่ดี ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์แปรปรวนขึ้นลง
จนมีความรู้สึกเครียด เบื่อ ไม่มีความสุข อาทิเช่น นั่งรถไป
แล้าเอาจิตไปจดจ่อกับคนขับ..ขับเร็วไม่ดี ขับเร็วไปไม่ระวัง

แล้วจิตฟุ้งซ่าน คิดไปล่วงหน้าต่างๆนาๆ จนเกิดความกลัว!
นั่งรถไปด้วยใจเป็นทุกข์ ! ประสาทตื่นตัว เลือดลมไม่ปกติ
สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับตัวเราทันที คือสุขภาพจิตเสีย!, ทุกข์ใจ!

จงขจัดขยะทางอารมณ์นั้นออกไปด้วย "สติ" ให้จิตไปจดจ่อ
ตามลมหายใจ..ช้าๆลึกๆ หายใจเข้า "พุท" หายใจออก "โธ"
ช่วยลดความฟุ้งซ่าน ปั่นป่วน เรรวน ในตัวเราด้วยสติ ดีที่สุด!

ปล. " เก็บไว้...เพื่อสอนใจตัวเอง ! "


ขอขอบคุณ #โพสบทความของคุณดังตฤณ


การมีเงินมาก อาจช่วยให้เป็นสุข
แต่ไม่ได้ช่วยให้หายทุกข์จากการฟุ้งซ่าน
ต่อให้เป็นมหาเศรษฐี
บารมีเลื่องลือ ชื่อเสียงฟุ้งเฟื่องปานใด
ถ้าจัดการกับความรู้สึกไม่ได้
ก็อาจ ‘บุญไม่พอ’ ที่จะเป็นสุขทางใจ
จิตเป็นอย่างไร
ความรู้สึกในชีวิตก็เป็นอย่างนั้น
ความว้าวุ่นในหัวอย่างเดียว
ทำให้รู้สึกได้ว่าชีวิตทั้งชีวิตวุ่นวาย
ความปลอดโปร่งโล่งใจอย่างเดียว
ทำให้รู้สึกว่าชีวิตเรียบง่ายสบายดี
อะไรจะมีค่าไปกว่าการมีจิตที่ดีขึ้น
ในเมื่อจิต คือสิ่งที่คุณต้องทนรำคาญ
หรือชื่นชมยินดีอยู่ตลอดวันตลอดคืน
และจิตนี่เองเป็นต้นเค้าของกรรมทั้งปวง
เมื่อจิตสว่าง..ย่อมปรารถนาที่จะทำกรรมขาว
เมื่อจิตมืด..ย่อมใคร่ที่จะทำกรรมดำ
เมื่อจิตแบบใดตั้งมั่นในขณะมีชีวิต
หลังตายก็มีชีวิตใหม่สอดคล้องกัน
ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะความเป็นอยู่ และชะตาดีร้าย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
โลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
บนเส้นทางที่ทุกคนเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพายุอารมณ์ปั่นป่วนรวนเรถึงจุดหนึ่ง
คนคนหนึ่งจะทนทุกข์อยู่ไม่ไหว
เป็นเหตุให้เปลี่ยนทิศทางความอยาก
พุ่งเป้าเข้ามาที่ข้างใน อยากสงบ
เหมือนอยากออกจากพายุรุนแรงกลางทะเล
กลับเข้าหาฝั่งอันเป็นสันติ
บางคนต้องวิ่งไปขอความสุข
ขอความรู้สึกว่า ‘มี’ จากใครบางคน
ที่ดูภายนอกเหมือน ‘ไม่มี’ ในสายตาคนทั่วไป
ซึ่งก็ได้แก่พระสงฆ์องค์เจ้าผู้สละเรือน
สละสมบัติ สละกรรมสิทธิ์ทุกอย่างทางโลก
เหลือเพียงผ้าพันกายกันอุจาด
กับที่อยู่ซึ่งชาวบ้านลงขันสร้างเป็นของกลาง
และอาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรให้ตามกำลัง
เพื่อจะไม่ต้องวิ่งหนีความทุกข์
ตลอดจนไม่ต้องแบมือขอเศษสุข
จากครูบาอาจารย์ท่านไหน
สิ่งที่ผมขอแนะนำเป็นอันดับแรก คือ
ให้สังเกตเข้าไปในใจนะครับ
หลายครั้งจิต ‘หิว’ ได้เสียยิ่งกว่าท้องหิวข้าว
เมื่อใดเห็นความหิวชัดๆ ให้ถามตัวเองเมื่อนั้นว่า
"กำลังคิดอะไรอยู่?"
ไม่ว่าคุณจะคิดอะไรก็ตาม
ขอให้ตระหนักว่าความคิดนั้นผิด
เพราะไม่ทำให้ใจอิ่ม เอาแต่หิวโหยแห้งแล้ง
จะจำไว้สั้นๆเพื่อง่ายต่อการระลึกก็ได้ครับ :
"..ถ้ายังทุกข์หนักไม่เลิก
แสดงว่าที่ผ่านมาคิดผิดหมด!"
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เรื่องยากที่สุดในชีวิต
ไม่ใช่การหาสตางค์ แต่เป็นการสร้างสติ
ถ้าจะ ‘มีบุญจริงแบบพุทธ’ ต้องเจริญสติเป็น
‘บุญ’ คือที่มาของความสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความสุขใจ’ เป็นหลัก
คนที่นั่งสมาธิเป็น เจริญสติถูก
แม้เหนื่อยกายเหมือนคนอื่น แต่ก็เลิกเหนื่อยใจ
ได้อยู่กับความสดชื่นของสมาธิ
ได้ทิ้งขยะทางอารมณ์ที่ไม่ใช่ของเรามาแต่แรก
เมื่อดูลมหายใจเป็น
เราจะได้ราวเกาะของสติชั้นดี
ที่มีติดตัวอยู่ตลอดเวลา
ตราบใดยังมีลมหายใจ
ตราบนั้นเราได้แหล่งเจริญสติเสมอ
เอาลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติปกตินี่แหละ
เป็นตัวแบ่ง เป็นจุดสังเกตว่า
คลื่นความฟุ้งซ่านปั่นป่วนเรรวนในตัวเรานี่
มันเข้มขึ้นหรือว่าอ่อนแรงลง
หายใจครั้งแรก รู้สึกปั่นป่วนค่อนข้างจะรุนแรง
แต่หายใจครั้งที่สองนี่ มันมีสติขึ้นมาแล้ว
สตินี่แหละครับ
จะทำให้คลื่นความปั่นป่วนลดลงตามธรรมชาติ
ตัวเห็นน้อยลงนี่แหละที่เรียกว่า ‘เห็นอนิจจัง’
เห็นความไม่เที่ยงแบบอ่อนๆ
คุณจะรู้สึกถึงสติที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
จิตมีความตั้งมั่น มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าโลกภายนอกยังเต็มไปด้วยความปั่นป่วน
ไม่ต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย
แต่ว่าใจของเราเริ่มมีสุญญากาศจากมันแล้ว!
ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ
*สามทุ่มคืนนี้ ขอเชิญติดตามคุณดังตฤณ Live ค่ะ
________________
รวมจิตเป็นหนึ่ง
ยกระดับประสบการณ์อธิษฐานนั่งสมาธิแผ่เมตตา ๗ วัน
สู่ปรากฏการณ์รวมจิตสองพันดวงเป็นหนึ่งเดียว
https://www.facebook.com/events/1141675152688116/

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2562

4 ตระกูลพญานาคราชที่ยิ่งใหญ่ *รู้แล้วศรัทธาบูชา ให้สัมฤทธิ์ผล*

  ใครที่ได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กันกับ*พญานาคราช*นั้นมาแต่ภพใด   
 ก็จะสามารถพบเจอในความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคราชนั้นได้อย่างไม่คาดฝัน ! 
 ส่วนตัวของเราแล้ว...มีความเชื่อ และศรัทธาในองค์ *พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช* 
  ได้ศรัทธาองค์ปู่ มาเป็นเวลาประมาณ 6-7 ปี ที่ผ่านมาเห็นจะได้ ซึ่งในปีแรกๆ นั้น  

  องค์ท่านได้ผ่านมาให้เห็นทางนิมิต ก็คือฝันเห็นในตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง !  
 เป็นพญานาคราชสีวรกาย *เขียวทอง* ลอยอยู่บนเหนือน้ำใสสะอาด ชูพระเศียร 
 ขึ้นมาอยู่เหนือพื้นน้ำ มีดวงตากลมสีเขียวไพลอ่อนๆ สีใสแวววาวสว่างสวย  
  มองมาที่เรา ความรู้สึกในตอนนั้นคือ *แสนมหัศจรรย์* จึงจดจำได้ติดตาตรึงใจ !  

  ซึ่งเรารู้และสัมผัสได้ถึงความใจดีมีเมตตา และแฝงมาสวดมนตร์สร้างบุญบารมี  
  ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์นี้ เรายังคงเชื่อว่ามีความลึกลับมหัศจรรย์ ! ซ้อนอยู่  
  ตาคนเราทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ  เพียงรับรู้ได้ดีแค่..แต่บางคนเท่านั้น ! 
 " ดังจะเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้รู้ พอนึกภาพออกก็จะคล้ายๆ กับรูปภาพท้ายนี้ค่ะ " 
hqdefault

  ขอขอบคุณ ++ 2 บทความน่ารู้..ต้องรู้ !!  

ก่อนจะบูชา..ต้องรู้!! "สีวรกายพญานาค" บอกถึงสิ่งใด?? สายขาว-สาวดำ อยากเจริญรุ่งเรือง-มีเงินทอง ต้องบูชาองค์ใด? เช็คด่วนๆ!!



เรียกเป็น "ปีแห่งพญานาค" โดยแท้จริงๆ หลังบรรดาผู้ศรัทธายังคงหลั่งไหลไปกราบสักการะบูชา "องค์พญานาคราช" ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีตำนานและความเชื่อ โดยเฉพาะที่วัดคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และเมื่อเร็วๆนี้ยังมีการค้นพบ "เกาะเจ้าแม่นาคี" หลานสาวองค์เดียวของ "เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช" ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เช่นเดียวกัน ก็ยิ่งสร้างความฮือฮา

และจากที่ "หมอลักษณ์ เรขานิเทศ" โหรชื่อดังชื่อดังได้กล่าวไว้ว่า ปีพุทธศักราช 2560-2565 นั้นเป็นมหามงคลแห่งปี "พญานาคราชประทานพร" ที่เชื่อวาหากใครได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กับพญานาค "พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช" นั้นจะโชคดี มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น เป็นบุญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ก็ทำให้มีผู้หันมาบูชาพญานาคกันมากขึ้น แต่ก่อนที่จะบูชานั้น เคยทราบกันหรือไม่ว่า พญานาคแต่ละองค์ มีความแตกต่างกัน ดังจะเห็นได้จาก "สีวรกาย" ที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่สีสันธรรมดาทั่วๆไป แต่ยังแฝงไปด้วยความหมาย เพราะฉะนั้นหากอยากโดดเด่นด้านใด ต้องเลือกบูชาให้ถูกต้องตามคุณลักษณะด้วย ซึ่งบอกไว้ว่า
รกายสีขาว เชื่อว่า  ท่านคือผู้ทรงศีลทรงธรรม ใกล้หลุดพ้นภพภูมินาคา

วรกายสีเขียว เชื่อว่า ท่านคือผู้หยั่งรู้ทิพยโอสถ ช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย

วรกายสีดำ  เชื่อว่า ท่านมีอุปนิสัย ดุดัน ชอบสันโดษ เรียบง่าย และมีหน้าที่ปกป้องทรัพย์สมบัติ  ใครต้องการทรัพย์จากพญานาค ก็มักจะบูชาพญานาคที่มีวรกายสีดำ
วรกายสีทอง  เชื่อว่า ท่านคือผู้ที่ใกล้ชิดและคอยดูแลพระอริยสงฆ์ และเหล่าเทวดา ชอบฟังธรรม สวดมนตรา
 
วรกายสีแดง  เชื่อว่า ท่านคือผู้ทรงฤทธิ์ มีพิษร้ายแรง

ขอบคุณข้อมูลจาก nakanews

10
ตามความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานแล้ว เชื่อว่าพญานาคนั้นมีจริง พญานาคนั้นเป็นสัตว์กึ่งเทพ จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับงู แต่มีลักษณะใหญ่โตมาก มีหงอน มีเกล็ดสีดำมะเมื่อม มีทั้งที่นิสัยดีและค่อนข้างดุร้าย สามารถอยู่ใต้บาดาล และขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้เช่นกัน
แม้ว่าจะมีผู้พรรณนาลักษณะของพญานาคไว้มากมาย แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นตัวจริงของพญานาคด้วยตาของตนเอง จะมีปรากฏก็เพียงในนิมิต หรือในความฝันเท่านั้น โดยไม่ใช่ทุกคนที่สามารถนิมิตเห็นพญานาคได้ หากมิใช่พระเกจิอาจารย์หรือผู้ที่มีบุญกรรมต่อกันแล้ว ก็ยากยิ่งที่จะสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากพญานาคเป็นสัตว์ที่มีกายทิพย์ และมีที่อยู่อาศัยเป็นทิพย์นั่นเอง
hqdefault
พญานาคนั้นนอกจากมีฤทธานุภาพมาก สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ยังมีพิษที่มีอานุภาพรุนแรงเหลือคณา เชื่อว่าพญานาคนั้นมีพิษมากถึง 64 ชนิด ต้องมีการคายพิษไว้ในที่เร้นลับทุก 15 วัน เนื่องจากหากไม่คายก็จะมีพิษอยู่ในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้พิษย้อนเข้าตัวได้ และเมื่อเลื้อยไปที่ใด ต้องอ้าปากไว้เสมอ เนื่องจากพิษในกายที่มีความรุนแรงและร้อนระอุ การอ้าปากทำให้บรรเทาความร้อนจากพิษในกายได้ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่ารูปปั้นพญานาคส่วนใหญ่จึงอยู่ในลักษณะอ้าปากนั่นเอง
พญานาคนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม โดยขดตัวเป็นบัลลังก์ เรียกว่า “นาคบัลลังก์” หรือนอนราบเหยียดยาว และจากนั้นสภาพร่างกายก็จะกลับกายเป็นหิน ไม่ได้ย่อยสลายเหมือนซากพืชซากสัตว์ทั่วไป และมักจะพบร่างกายของพญานาคอยู่ในถ้ำลึก หรืออยู่ใต้แม่น้ำใหญ่ แต่หากเป็นพญานาคในตระกูลสูง ที่มีญาณบารมีแก่กล้า เมื่อสิ้นอายุขัย ร่างกายก็จะแตกดับและสลายไปในทันที
%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2594
ตามที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนานั้น เชื่อว่าพญานาคปกครองด้วยท้าววิรูปักข์ หนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา และจากนิทานปรัมปราหรือเรื่องเล่าต่างๆที่มีการบันทึกไว้ กล่าวว่าพญานาคนั้นสามารถจัดเป็นตระกูลได้ 4 ตระกูลใหญ่ๆ ซึ่งมีอำนาจ ฤทธานุภาพ และถิ่นที่อยู่แตกต่างกัน รวมถึงจำนวนพญานาคในแต่ละตระกูลก็ยังมีมากน้อยต่างกันอีกด้วย กล่าวคือ...
%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25AB
1. พญานาคในตระกูลวิรูปักข์ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็นพญานาคชั้นสูง หรือชนชั้นปกครอง ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดาและนางฟ้า มีอาหารเป็นทิพย์ และมีที่อยู่เป็นทิพย์วิมาน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่นและสวยงามที่สุด คือ มีลำตัวสีรุจน์อุไรวรรณจันทราภา มีเกล็ดทองคำบุศรินทร์ หรือสีทองมหิธาสุวรรณชาด เชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจมากที่สุด สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้แม้แค่ใช้สายตามอง พญานาคตนใดกำเนิดมาจากวงศ์ตระกูลนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้ที่มากด้วยบุญญาบารมี
1436360759-7e4ee8e31e-o
2. พญานาคในตระกูลเอราปถ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็นพญานาคชั้นสูง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบอัณฑชะ คือกำเนิดจากฟองไข่ เชื่อว่าอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล ลึกลงไปจากใต้ดินถึง 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร บากพวกอาศัยอยู่ในถ้ำ ลึกถึง 50 โยชน์ หรือ 800 กิโลเมตร เชื่อว่าเป็นพญานาคตระกูลที่พบได้มากที่สุด เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงามไม่แพ้ตระกูลวิรูปักข์ มีลำตัวเขียวมรกตจงกลนี เกล็ดมรกตสีไพลมณีรัตนชาติ มีลักษณะออกไปทางงูใหญ่ มักขึ้นมาบนโลกมนุษย์บ่อยครั้ง จึงทำให้เกิดตำนานรักมากมายระหว่างพญานาคตระกูลนี้กับมนุษย์ แม้จะถือกำเนิดจากฟองไข่ แต่หากมีการบำเพ็ญเพียรบารมี จนมีอานุภาพแก่กล้า ก็สามารถถูกจัดให้เป็นพญานาคในชนชั้นปกครองได้เช่นเดียวกัน
IMG_1218
3. พญานาคในตระกูลฉัพพยาปุตตะ หรือตระกูลสีรุ้ง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบชลาพุชะ คือกำเนิดจากครรภ์ มีถิ่นอาศัยที่นครบาดาล ใต้ดิน ในป่าลึก หรือบนภูเขา เป็นพญานาคที่มีลักษณะสวยงามมาก เนื่องจากนาคที่จัดอยู่ในตระกูลนี้มีหลายสีด้วยกัน กล่าวคือหากไม่ได้มีกายสีทอง สีเขียว หรือสีดำ ก็สามารถจัดอยู่ในตระกูลนี้ได้หมด และพญานาคบางตนยังมีเกล็ดหลายสีในตัวเดียวกันอีกด้วย นาคตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะมีกายสีเลื่อมรุ้งมรุลี สีโกเมนสุริยฉัตรปภัศร เป็นตระกูลที่พบได้น้อย และยังมีถิ่นที่อยู่ที่ลึกลับอีกด้วย
%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25B0
9
4. พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ หรือตระกูลสีดำ ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบสังเสทชะ คือกำเนิดจากเหงื่อไคลและสิ่งหมักหมม ไม่ถือเป็นพญานาคชั้นสูง แต่ก็เป็นตระกูลที่มีฤทธานุภาพไม่แพ้พญานาคตระกูลอื่นเช่นกัน ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นที่อยู่เร้นลับ และพบเจอได้ยากมาก เนื่องจากพญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะนอนหลับเป็นระยะเวลานาน มีกายเป็นนิลกาฬมหิธร มีเกล็ดเป็นนิลปาศรอมรสุภรัตน์ พญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพญานาคในตระกูลอื่นๆ
พญานาคทั้ง 4 ตระกูลที่ได้กล่าวมานั้น เป็นส่วนหนึ่งในตำนานที่ได้มีการบันทึกไว้ แต่ที่จริงแล้วเชื่อว่าพญานาคนั้นน่าจะมีวงศ์วานว่านเครือมากกว่านี้อย่างแน่นอน แต่ทั้ง 4 ตระกูลใหญ่นี้นับเป็นตระกูลที่มีฤทธิ์เดชมากที่สุด ทั้งยังมีเรื่องราวเล่าขานสืบต่อกันมามากที่สุดเช่นกัน
ตั้งแต่โบราณมาแล้วเชื่อกันว่า พญานาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คงหนีไม่พ้นพญานาคในตระกูลวิรูปักข์อย่างแน่นอน เนื่องด้วยไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิดที่สูงส่ง มากด้วยบุญญาบารมีและอิทธิฤทธิ์ นาคตระกูลนี้ยังถูกจัดอยู่ในชั้นเทพ ไม่มีการผูกเวรกับพญาครุฑ ทั้งยังเป็นพญานาคในชนชั้นปกครอง ที่มีหน้าที่ดูแลพญานาคในตระกูลที่ต่ำกว่า เชื่อว่าหากพญานาคตนใดในตระกูลนี้ ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะแล้ว จะไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งมนต์อาลัมพายน์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมนต์สะกดจิตพญานาคที่น่ากลัวที่สุดอีกด้วย
%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AA
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ตระกูลวิรูปักข์จะถือเป็นตระกูลใหญ่ แต่พญานาคที่พบได้มากที่สุดกลับเป็นตระกูลสีเขียวหรือตระกูลเอราปถ เนื่องจากความใกล้ชิต และติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ง่าย ทั้งยังเป็นชนชั้นที่มีอำนาจบารมีมาก นาคตระกูลนี้ส่วนมากจิตใจดี ชอบช่วยเหลือมนุษย์ ทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจของคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี และพญานาคในวงศ์ตระกูลนี้ ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือ องค์พญาศรีสุทโธนาคราช และนางพญาศรีปทุมมานาคินี แห่งเวียงนาคินทร์คำชะโนดนั่นเอง
2
ส่วนพญานาคตระกูลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม และความหลากหลายของสีวรกาย คงหนีไม่พ้น ตระกูลฉัพยาปุตตะ นั่นเอง ด้วยความที่พญานาคในตระกูลนี้ เป็นตระกูลที่มีหลากหลายสีสัน และส่วนใหญ่ก็จะเป็นนางพญานาคินี หรือพญานาคเพศเมีย จึงขึ้นชื่อในเรื่องของความงาม แม้ในยามที่เป็นนาค หรือยามที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ก็ตาม
%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25B1
พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ แม้จะไม่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงามมากนัก เนื่องจากเป็นพญานาคตระกูลสีดำนิลกาฬมหิธร แต่ในด้านของพลังอำนาจ อิทธิปาฏิหาริย์แล้ว พญานาคในตระกูลนี้ก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะในครั้งพุทธกาล ที่พญานาคในตระกูลนี้ นามว่า “พญากาฬนาคราช” เป็นผู้นอนรอรับถาดทองคำ ที่องค์พระโพธิสัตว์ทรงอธิษฐานก่อนบรรลุธรรมเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง นับว่าเป็นตระกูลนาคา ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลอื่นเลยก็ว่าได้
ตามความเชื่อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพญานาคในตระกูลใดก็ตาม เมื่อถือกำเนิดมา จะต้องมีการบำเพ็ญเพียร ถือศีลภาวนา เพื่อเพิ่มญาณบารมี และพลังอำนาจให้แก่ตนเอง ดังนั้นแม้จะอยู่ในตระกูลที่ต่ำกว่า แต่หากบำเพ็ญเพียรจนมีญาณบารมีมาก ก็สามารถขึ้นไปเป็นชนชั้นปกครองได้เช่นกัน ดังเช่นองค์นาคาธิบดีทั้ง 9 ที่ปกครองเวียงนาคินทร์ในเขตแดนต่างๆทั่วโลก ก็ล้วนได้รับการคัดเลือกมาจากตัวแทนพญานาคจากทั้ง 4 ตระกูลนั่นเอง
%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580
นอกจากนั้นแล้ว การบำเพ็ญเพียรภาวนาให้มีญาณบารมีมาก ยังส่งผลให้พญานาคตนนั้น สามารถแผ่เศียร หรือแผ่พังพานได้มากขึ้นตามบารมีที่มีมากขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งการแผ่เศียรนี่เอง ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ รวมถึงชนชั้นของพญานาคตนนั้นๆได้
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ความเชื่อเรื่องของพญานาคนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนมาถึงปัจจุบันนี้ ความเชื่อเหล่านั้นก็ไม่เคยเสื่อมคลายลง ท่านผู้ฟังหลายท่าน ก็คงจะมีพญานาคราชที่ตนเองบูชา เคารพนับถือ และชื่นชอบอยู่ในใจกันอยู่แล้ว ไม่ว่าท่านจะนับถือพญานาคราชตนใด อยู่ในตระกูลไหนก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเชื่ออย่างมีสติ ไม่หลงงมงายจนเกินไป และเชื่อแบบไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และจะดีที่สุดหากท่านนำพลังแห่งศรัทธาเหล่านั้น มาเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราอยากกระทำความดีต่อไป
บทความโดย : เพจตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค

ห้ามคัดลอกไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
"ขออนุญาตแบ่งปันและขอบคุณบทความดีๆ"

โพสต์แนะนำ