05: การเปิดญาณบารมี
อย่าพึ่งเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
IT Man/09.08.56
คำว่า ญาณ นั้น อาจหมายถึงสิ่งที่ไปรู้ (ตัวรู้) กับสภาวะต่างๆ ในความหมายของขันธ์ห้า ก็มีคำว่า วิญญาณ ในความหมายนี้ก็คือ ตัวไปรู้ถึงอายตนะจากตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส ว่ารู้สึกอย่างไร ดังนั้น ในความหมายของญาณที่ผมกล่าวถึงนี้ เป็นญาณบารมี ซึ่งเป็นการรับรู้สภาวะภายในที่อยู่เหนือมิติของสภาวะทางโลก เป็นของเก่าที่เราสะสมมาตั้งแต่อดีตชาติ การมีญาณสัมผัสได้นั้น ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการบำเพ็ญบารมีจนได้ฌานสมาบัติ หรือญาณทัศนะ หรืออภิญญาใดๆในอดีต เมื่อมาในภพนี้ ญาณนั้นก็ยังติดตัวมา แต่จะถูกปิดด้วยทางโลก จนกว่าเราจะเข้าสู่วิถีการปฏิบัติ ญาณเหล่านั้นจึงจะค่อยๆปรากฏออกมา จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและบุญบารมีเก่า บางคนสามารถเปิดญาณของตัวเองออกมาใช้ด้วยตัวเองได้ แต่บางคนอาจถูกเปิดหรือถูกกระตุ้นจากผู้ที่มีญาณบารมีสูงกว่า หรือมีประสบการณ์กว่า ช่วยเปิดให้ เสมือนบุญของเราถูกบรรจุอยู่ในขวดจนเต็ม แต่เราไม่สามารถเปิดฝาขวดเอาน้ำออกมากินได้ เมื่อมีคนมาเปิดฝาขวดให้ ของเก่าจึงทะลักออกมา แถมเรายังสามารถกรอกน้ำเข้าไปใหม่ได้เรื่อยๆ ญาณเป็นของเราเอง แต่คนอื่นเปิดทางให้เบิกออกมาใช้ได้นั่นเอง ไม่ใช่เอาญาณของคนเปิดไปใส่ให้ ผมขอเรียกวิธีที่ผมใช้ว่า "เป็นการกระตุ้นให้รู้ตัว" ก็น่าจะพอพูดได้กระมังครับ จะได้ไม่ดูเป็นคำยิ่งใหญ่เกินไป
ส่วนผู้ที่บำเพ็ญทางเทพนั้น ส่วนใหญ่จะรับขันธ์อย่างที่เราเข้าใจ แต่พวกเราเป็นสายพุทธะ สายโลกุตระ สายพระนิพพาน จึงแค่ส่งญาณหรือคลื่นพลังไปมาหาสู่กัน เมื่อกระแสญาณถูกเปิดแล้ว ผู้มีบุญย่อมรู้ในกระแสบุญของกันและกัน ปิดกั้นก็ไม่ได้ นี่เป็นเพียงกระแสของญาณแบบพื้นๆ ถ้าสูงขึ้นไปก็คือ การถอดจิตไปนั่งคุยกันอย่างพ่อแม่ครูอาจารย์ และอริยบุคคลที่ท่านส่งถึงกัน เป็นของเล่นของผู้อยู่สูงแล้ว ต่อไปพวกเราก็จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้เช่นกันครับ
ผมไม่แน่ใจว่า จะตอบคำถามของท่านได้ชัดหรือไม่ แต่ผมยืนยันว่า ท่านก็เป็นผู้มีบุญบารมีสูงในขั้นปรมัตถ์แล้ว ครบวงรอบแล้วก็สามารถตัดเข้าพระนิพพานได้เช่นกัน ไม่ธรรมดานะครับ ในภพนี้อย่างน้อยที่สุด ท่านก็ไม่ต่ำกว่าโสดาบันอย่างแน่นอนครับ สิ่งที่จะยืนยันคำพูดของผมว่าจริงหรือไม่จริง เมื่ออ่านจบแล้วขอให้สังเกตที่จิตของท่าน ถ้าหากมีความปีติจะเป็นจริง หากเฉยๆ จะไม่จริงครับ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
Nontayan: http://board.palungjit.org/f131/หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร-ฝัน-231506-246.html#post5130860
สายญาณบารมี คืออะไร
ที่มาของคำนี้ต้องแยกเป็นสองคำครับ สายญาณ กับ บารมี ครับ สายญาณ ตามที่ผมเข้าใจจากประสบการณ์นะครับ สายญาณ คือ กลุ่มก้อนของพลังงานขององค์เทพ องค์นั้นๆซึ่งจะแบ่งเป็นสาย ตามทัศนคติ เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ครับ เช่น สายญาณเทพฮินดู สายญาณเซียน(เทพจีน) เป็นต้นครับ องค์เทพนั้นอยู่ในภพที่ไม่มีกายสังขารครับ เป็นภพแห่งพลังงานครับ ซึ่ง องค์เทพนั้นท่านสามารถแบ่งญาณหรืออณูของท่านได้อย่างไม่รู้จบครับ
แบ่งเพื่ออะไร องค์เทพท่านต้องแบ่งญาณหรืออณูออกมา เพื่อเสริมบารมีให้กับตัวท่านเองครับ แล้วทีนี้จะเสริมบารมีได้อย่างไร ท่านก็ต้องใช้มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมีกายสังขารครับ และอยู่ในภพภูมิที่สามารถปฏิบัติสะสมบุญสะสมความดีได้ครับ และมนุษย์ผู้นั้นจะต้องมีบุพกรรมร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติครับถึงจะเป็นกายสังขารให้ท่านได้ครับ พอจะเข้าใจคำว่า สายญาณแล้วนะครับ
คำที่สองคือว่า บารมี ครับ ตามรากศัพท์ หมายถึง ปฏิปทาอันยวดยิ่ง คุณธรรมที่ประพฤติปฏิบัติอย่างยิ่งยวด คือ ความดีที่บำเพ็ญอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุซึ่งจุดหมายอันสูง ครับ เพราะฉะนั้น บารมี ขององค์เทพ ก็ต้องสร้างอย่างต่อเนื่องครับ เพื่อให้ท่านมี บารมี ต่อไปอย่างไม่รู้จบครับ อย่างที่บอกในตอนต้นครับ ท่านก็ต้องใช้มนุษย์ที่มีบุพกรรมร่วมกันมาเป็นกายสังขารท่านในการเสริมบารมีครับ
เพราะฉะนั้นคำว่า สายญาณบารมี คือ กายสังขารขององค์เทพตามสายญาณที่มุ่งเน้นในการเสริมสร้างบารมี ครับ ซึ่งทั้งกายสังขารเองก็จะได้รับบารมีด้วยครับ ถือเป็นผลพลอยได้สองต่อครับ