https://spirit-heart.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 บารมี story
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลดความกลัวด้วยสติ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลดความกลัวด้วยสติ แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กลัว ! การขจัดความ "กลัว" ออกไปให้ไกลตัวด้วย "สติ"

"ความรู้สึกกลัว!" มันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขณะจิตจากสิ่งกระทบรอบตัวเรา
เริ่มจากอาการวิตกกังวล แล้วเกิดความกลัว! กลัวมากขึ้นๆ

สภาพจิตใจไม่ดี ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์แปรปรวนขึ้นลง
จนมีความรู้สึกเครียด เบื่อ ไม่มีความสุข อาทิเช่น นั่งรถไป
แล้าเอาจิตไปจดจ่อกับคนขับ..ขับเร็วไม่ดี ขับเร็วไปไม่ระวัง

แล้วจิตฟุ้งซ่าน คิดไปล่วงหน้าต่างๆนาๆ จนเกิดความกลัว!
นั่งรถไปด้วยใจเป็นทุกข์ ! ประสาทตื่นตัว เลือดลมไม่ปกติ
สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับตัวเราทันที คือสุขภาพจิตเสีย!, ทุกข์ใจ!

จงขจัดขยะทางอารมณ์นั้นออกไปด้วย "สติ" ให้จิตไปจดจ่อ
ตามลมหายใจ..ช้าๆลึกๆ หายใจเข้า "พุท" หายใจออก "โธ"
ช่วยลดความฟุ้งซ่าน ปั่นป่วน เรรวน ในตัวเราด้วยสติ ดีที่สุด!

ปล. " เก็บไว้...เพื่อสอนใจตัวเอง ! "


ขอขอบคุณ #โพสบทความของคุณดังตฤณ


การมีเงินมาก อาจช่วยให้เป็นสุข
แต่ไม่ได้ช่วยให้หายทุกข์จากการฟุ้งซ่าน
ต่อให้เป็นมหาเศรษฐี
บารมีเลื่องลือ ชื่อเสียงฟุ้งเฟื่องปานใด
ถ้าจัดการกับความรู้สึกไม่ได้
ก็อาจ ‘บุญไม่พอ’ ที่จะเป็นสุขทางใจ
จิตเป็นอย่างไร
ความรู้สึกในชีวิตก็เป็นอย่างนั้น
ความว้าวุ่นในหัวอย่างเดียว
ทำให้รู้สึกได้ว่าชีวิตทั้งชีวิตวุ่นวาย
ความปลอดโปร่งโล่งใจอย่างเดียว
ทำให้รู้สึกว่าชีวิตเรียบง่ายสบายดี
อะไรจะมีค่าไปกว่าการมีจิตที่ดีขึ้น
ในเมื่อจิต คือสิ่งที่คุณต้องทนรำคาญ
หรือชื่นชมยินดีอยู่ตลอดวันตลอดคืน
และจิตนี่เองเป็นต้นเค้าของกรรมทั้งปวง
เมื่อจิตสว่าง..ย่อมปรารถนาที่จะทำกรรมขาว
เมื่อจิตมืด..ย่อมใคร่ที่จะทำกรรมดำ
เมื่อจิตแบบใดตั้งมั่นในขณะมีชีวิต
หลังตายก็มีชีวิตใหม่สอดคล้องกัน
ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะความเป็นอยู่ และชะตาดีร้าย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
โลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
บนเส้นทางที่ทุกคนเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพายุอารมณ์ปั่นป่วนรวนเรถึงจุดหนึ่ง
คนคนหนึ่งจะทนทุกข์อยู่ไม่ไหว
เป็นเหตุให้เปลี่ยนทิศทางความอยาก
พุ่งเป้าเข้ามาที่ข้างใน อยากสงบ
เหมือนอยากออกจากพายุรุนแรงกลางทะเล
กลับเข้าหาฝั่งอันเป็นสันติ
บางคนต้องวิ่งไปขอความสุข
ขอความรู้สึกว่า ‘มี’ จากใครบางคน
ที่ดูภายนอกเหมือน ‘ไม่มี’ ในสายตาคนทั่วไป
ซึ่งก็ได้แก่พระสงฆ์องค์เจ้าผู้สละเรือน
สละสมบัติ สละกรรมสิทธิ์ทุกอย่างทางโลก
เหลือเพียงผ้าพันกายกันอุจาด
กับที่อยู่ซึ่งชาวบ้านลงขันสร้างเป็นของกลาง
และอาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรให้ตามกำลัง
เพื่อจะไม่ต้องวิ่งหนีความทุกข์
ตลอดจนไม่ต้องแบมือขอเศษสุข
จากครูบาอาจารย์ท่านไหน
สิ่งที่ผมขอแนะนำเป็นอันดับแรก คือ
ให้สังเกตเข้าไปในใจนะครับ
หลายครั้งจิต ‘หิว’ ได้เสียยิ่งกว่าท้องหิวข้าว
เมื่อใดเห็นความหิวชัดๆ ให้ถามตัวเองเมื่อนั้นว่า
"กำลังคิดอะไรอยู่?"
ไม่ว่าคุณจะคิดอะไรก็ตาม
ขอให้ตระหนักว่าความคิดนั้นผิด
เพราะไม่ทำให้ใจอิ่ม เอาแต่หิวโหยแห้งแล้ง
จะจำไว้สั้นๆเพื่อง่ายต่อการระลึกก็ได้ครับ :
"..ถ้ายังทุกข์หนักไม่เลิก
แสดงว่าที่ผ่านมาคิดผิดหมด!"
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เรื่องยากที่สุดในชีวิต
ไม่ใช่การหาสตางค์ แต่เป็นการสร้างสติ
ถ้าจะ ‘มีบุญจริงแบบพุทธ’ ต้องเจริญสติเป็น
‘บุญ’ คือที่มาของความสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความสุขใจ’ เป็นหลัก
คนที่นั่งสมาธิเป็น เจริญสติถูก
แม้เหนื่อยกายเหมือนคนอื่น แต่ก็เลิกเหนื่อยใจ
ได้อยู่กับความสดชื่นของสมาธิ
ได้ทิ้งขยะทางอารมณ์ที่ไม่ใช่ของเรามาแต่แรก
เมื่อดูลมหายใจเป็น
เราจะได้ราวเกาะของสติชั้นดี
ที่มีติดตัวอยู่ตลอดเวลา
ตราบใดยังมีลมหายใจ
ตราบนั้นเราได้แหล่งเจริญสติเสมอ
เอาลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติปกตินี่แหละ
เป็นตัวแบ่ง เป็นจุดสังเกตว่า
คลื่นความฟุ้งซ่านปั่นป่วนเรรวนในตัวเรานี่
มันเข้มขึ้นหรือว่าอ่อนแรงลง
หายใจครั้งแรก รู้สึกปั่นป่วนค่อนข้างจะรุนแรง
แต่หายใจครั้งที่สองนี่ มันมีสติขึ้นมาแล้ว
สตินี่แหละครับ
จะทำให้คลื่นความปั่นป่วนลดลงตามธรรมชาติ
ตัวเห็นน้อยลงนี่แหละที่เรียกว่า ‘เห็นอนิจจัง’
เห็นความไม่เที่ยงแบบอ่อนๆ
คุณจะรู้สึกถึงสติที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
จิตมีความตั้งมั่น มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าโลกภายนอกยังเต็มไปด้วยความปั่นป่วน
ไม่ต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย
แต่ว่าใจของเราเริ่มมีสุญญากาศจากมันแล้ว!
ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ
*สามทุ่มคืนนี้ ขอเชิญติดตามคุณดังตฤณ Live ค่ะ
________________
รวมจิตเป็นหนึ่ง
ยกระดับประสบการณ์อธิษฐานนั่งสมาธิแผ่เมตตา ๗ วัน
สู่ปรากฏการณ์รวมจิตสองพันดวงเป็นหนึ่งเดียว
https://www.facebook.com/events/1141675152688116/

โพสต์แนะนำ