ทุกครั้งที่เรารู้สึกถึงความย่อท้อต่อชีวิต ต่อภาระหน้าที่ที่เรากำลังทำอยู่ หรือชีวิตที่ถูกท้าทาย ให้เรานึกถึงจิตวิญญาณของมนุษยชาติที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ตั้งแต่ยุคโบราณ ยุคหิน ยุคเหล็ก ยุคโลหะ จนถึงยุคปัจจุบันดิจิตอล เรามีวิวัฒนาการมากกว่าสัตว์ทุกเผ่าพันธุ์ ด้วยความรักและการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เป็นใบเบิกทางให้มนุษย์ทุกคนเข้าสู่ความสุข…ความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา
เรากำลังผ่านข้อทดสอบทางจิตวิญญาณเพื่อให้เราได้สัมผัสกับพลังจิตที่ 7 ที่อยู่ในตัวเรา เพียงแต่เรานึกถึงภาพของสิ่งที่เราต้องการจะเห็น ภาพนั้นก็เกิดขึ้นในใจของเราแม้บางครั้งไม่ได้เกิดในจินตภาพฉับพลันแต่ในความรู้สึกของเรา เราก็นึกได้ เหมือนเราหลับตาแล้วนึกถึงผลส้มสักลูกหรือแอปเปิ้ล ถึงแม้ไม่เห็นแต่เราก็รู้สึกรสชาติ ถึงกลิ่น ถึงความเปรี้ยว หวาน ขม ซาบซ่านลิ้น ซึ่งสัญชาตญาณของเราสามารถซึมซับจดจำได้
ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อชีวิตเข้าถึงความตระหนักรู้ภายในนั่นแหละจะทำให้รู้คุณลักษณะภายในแสนวิเศษที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ของเรา ไม่ว่ามนุษย์ที่เป็นชายหรือหญิง โลกมนุษย์คือพลังงาน วัตถุทั้งหลายที่ดำรงอยู่ แม้แต่ตัวเรา…ล้วนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอนุภาคร่างกายของเราหรือเป็นอนุภาคของพลังงานที่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเท่านั้น แท้จริงแล้วทั้งหมดทุกสิ่งสั่นสะเทือนในรูปแบบของความรู้สึก แม้แต่ความคิดก็เป็นรูปหนึ่งของแสงและความถี่
เมื่อเราหลับตาและแผ่พลังความคิดไปสู่จักรวาล เราจะรู้สึกเหมือนว่าพลังนั้นย้อนกลับมาหาเราโดยฉับพลัน แสดงว่ามนุษย์ทุกคนสามารถเชื่อมโยงกับจักรวาลได้โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรอง เพียงแค่หลับตานึกถึงแสงสว่างที่ส่องสว่างจากเบื้องบนมาสู่ตัวเรา เพียงเท่านั้นปาฏิหาริย์ในตัวเราก็เกิดขึ้นแล้วโดยฉับพลัน แสดงว่าเราไม่ได้ถูกจำกัดหรือถูกยกเว้นจากจักรวาลเลย จักรวาลให้โอกาสทุกคนเชื่อมโยงได้จากจิตวิญญาณภายในโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อมนุษย์ได้ตระหนักรู้เช่นนี้แล้วจะได้เข้าถึงพลังจิตที่ 7 อย่างแท้จริง
พลังจิต เกิดขึ้นได้กับทุกดวงวิญญาณกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ เมื่อใดก็ตามที่เราเชื่อมโยงกับสนามพลังแห่งความสุข เชื่อมโยงสนามพลังแห่งความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ จะพบว่าเราสามารถเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้อย่างไม่มีขอบเขตและข้อจำกัด นี่คือ พลังบำบัดจากจิตวิญญาณ
ขอบคุณ*บทความนี้เรียบเรียงมาจากงานค้นคว้าและวิจัยของ อ.สถิตธรรม เพ็ญสุข*
