ใครที่ได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กันกับ*พญานาคราช*นั้นมาแต่ภพใด
ก็จะสามารถพบเจอในความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคราชนั้นได้อย่างไม่คาดฝัน !
ส่วนตัวของเราแล้ว...มีความเชื่อ และศรัทธาในองค์ *พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช*
ได้ศรัทธาองค์ปู่ มาเป็นเวลาประมาณ 6-7 ปี ที่ผ่านมาเห็นจะได้ ซึ่งในปีแรกๆ นั้น
องค์ท่านได้ผ่านมาให้เห็นทางนิมิต ก็คือฝันเห็นในตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง !
เป็นพญานาคราชสีวรกาย *เขียวทอง* ลอยอยู่บนเหนือน้ำใสสะอาด ชูพระเศียร
ขึ้นมาอยู่เหนือพื้นน้ำ มีดวงตากลมสีเขียวไพลอ่อนๆ สีใสแวววาวสว่างสวย
มองมาที่เรา ความรู้สึกในตอนนั้นคือ *แสนมหัศจรรย์* จึงจดจำได้ติดตาตรึงใจ !
ซึ่งเรารู้และสัมผัสได้ถึงความใจดีมีเมตตา และแฝงมาสวดมนตร์สร้างบุญบารมี
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์นี้ เรายังคงเชื่อว่ามีความลึกลับมหัศจรรย์ ! ซ้อนอยู่
ตาคนเราทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ เพียงรับรู้ได้ดีแค่..แต่บางคนเท่านั้น !
" ดังจะเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้รู้ พอนึกภาพออกก็จะคล้ายๆ กับรูปภาพท้ายนี้ค่ะ "
ขอขอบคุณ ++ 2 บทความน่ารู้..ต้องรู้ !!
ก่อนจะบูชา..ต้องรู้!! "สีวรกายพญานาค" บอกถึงสิ่งใด?? สายขาว-สาวดำ อยากเจริญรุ่งเรือง-มีเงินทอง ต้องบูชาองค์ใด? เช็คด่วนๆ!!
เรียกเป็น "ปีแห่งพญานาค" โดยแท้จริงๆ หลังบรรดาผู้ศรัทธายังคงหลั่งไหลไปกราบสักการะบูชา "องค์พญานาคราช" ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีตำนานและความเชื่อ โดยเฉพาะที่วัดคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และเมื่อเร็วๆนี้ยังมีการค้นพบ "เกาะเจ้าแม่นาคี" หลานสาวองค์เดียวของ "เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช" ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เช่นเดียวกัน ก็ยิ่งสร้างความฮือฮา
และจากที่ "หมอลักษณ์ เรขานิเทศ" โหรชื่อดังชื่อดังได้กล่าวไว้ว่า ปีพุทธศักราช 2560-2565 นั้นเป็นมหามงคลแห่งปี "พญานาคราชประทานพร" ที่เชื่อวาหากใครได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กับพญานาค "พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช" นั้นจะโชคดี มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น เป็นบุญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ก็ทำให้มีผู้หันมาบูชาพญานาคกันมากขึ้น แต่ก่อนที่จะบูชานั้น เคยทราบกันหรือไม่ว่า พญานาคแต่ละองค์ มีความแตกต่างกัน ดังจะเห็นได้จาก "สีวรกาย" ที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่สีสันธรรมดาทั่วๆไป แต่ยังแฝงไปด้วยความหมาย เพราะฉะนั้นหากอยากโดดเด่นด้านใด ต้องเลือกบูชาให้ถูกต้องตามคุณลักษณะด้วย ซึ่งบอกไว้ว่า
วรกายสีขาว เชื่อว่า ท่านคือผู้ทรงศีลทรงธรรม ใกล้หลุดพ้นภพภูมินาคา
วรกายสีเขียว เชื่อว่า ท่านคือผู้หยั่งรู้ทิพยโอสถ ช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย
วรกายสีดำ เชื่อว่า ท่านมีอุปนิสัย ดุดัน ชอบสันโดษ เรียบง่าย และมีหน้าที่ปกป้องทรัพย์สมบัติ ใครต้องการทรัพย์จากพญานาค ก็มักจะบูชาพญานาคที่มีวรกายสีดำ
วรกายสีทอง เชื่อว่า ท่านคือผู้ที่ใกล้ชิดและคอยดูแลพระอริยสงฆ์ และเหล่าเทวดา ชอบฟังธรรม สวดมนตรา
วรกายสีแดง เชื่อว่า ท่านคือผู้ทรงฤทธิ์ มีพิษร้ายแรง
ตามความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานแล้ว เชื่อว่าพญานาคนั้นมีจริง พญานาคนั้นเป็นสัตว์กึ่งเทพ จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับงู แต่มีลักษณะใหญ่โตมาก มีหงอน มีเกล็ดสีดำมะเมื่อม มีทั้งที่นิสัยดีและค่อนข้างดุร้าย สามารถอยู่ใต้บาดาล และขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้เช่นกัน
แม้ว่าจะมีผู้พรรณนาลักษณะของพญานาคไว้มากมาย แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นตัวจริงของพญานาคด้วยตาของตนเอง จะมีปรากฏก็เพียงในนิมิต หรือในความฝันเท่านั้น โดยไม่ใช่ทุกคนที่สามารถนิมิตเห็นพญานาคได้ หากมิใช่พระเกจิอาจารย์หรือผู้ที่มีบุญกรรมต่อกันแล้ว ก็ยากยิ่งที่จะสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากพญานาคเป็นสัตว์ที่มีกายทิพย์ และมีที่อยู่อาศัยเป็นทิพย์นั่นเอง
พญานาคนั้นนอกจากมีฤทธานุภาพมาก สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ยังมีพิษที่มีอานุภาพรุนแรงเหลือคณา เชื่อว่าพญานาคนั้นมีพิษมากถึง 64 ชนิด ต้องมีการคายพิษไว้ในที่เร้นลับทุก 15 วัน เนื่องจากหากไม่คายก็จะมีพิษอยู่ในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้พิษย้อนเข้าตัวได้ และเมื่อเลื้อยไปที่ใด ต้องอ้าปากไว้เสมอ เนื่องจากพิษในกายที่มีความรุนแรงและร้อนระอุ การอ้าปากทำให้บรรเทาความร้อนจากพิษในกายได้ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่ารูปปั้นพญานาคส่วนใหญ่จึงอยู่ในลักษณะอ้าปากนั่นเอง
พญานาคนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม โดยขดตัวเป็นบัลลังก์ เรียกว่า “นาคบัลลังก์” หรือนอนราบเหยียดยาว และจากนั้นสภาพร่างกายก็จะกลับกายเป็นหิน ไม่ได้ย่อยสลายเหมือนซากพืชซากสัตว์ทั่วไป และมักจะพบร่างกายของพญานาคอยู่ในถ้ำลึก หรืออยู่ใต้แม่น้ำใหญ่ แต่หากเป็นพญานาคในตระกูลสูง ที่มีญาณบารมีแก่กล้า เมื่อสิ้นอายุขัย ร่างกายก็จะแตกดับและสลายไปในทันที
ตามที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนานั้น เชื่อว่าพญานาคปกครองด้วยท้าววิรูปักข์ หนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา และจากนิทานปรัมปราหรือเรื่องเล่าต่างๆที่มีการบันทึกไว้ กล่าวว่าพญานาคนั้นสามารถจัดเป็นตระกูลได้ 4 ตระกูลใหญ่ๆ ซึ่งมีอำนาจ ฤทธานุภาพ และถิ่นที่อยู่แตกต่างกัน รวมถึงจำนวนพญานาคในแต่ละตระกูลก็ยังมีมากน้อยต่างกันอีกด้วย กล่าวคือ...
1. พญานาคในตระกูลวิรูปักข์ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็นพญานาคชั้นสูง หรือชนชั้นปกครอง ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดาและนางฟ้า มีอาหารเป็นทิพย์ และมีที่อยู่เป็นทิพย์วิมาน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่นและสวยงามที่สุด คือ มีลำตัวสีรุจน์อุไรวรรณจันทราภา มีเกล็ดทองคำบุศรินทร์ หรือสีทองมหิธาสุวรรณชาด เชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจมากที่สุด สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้แม้แค่ใช้สายตามอง พญานาคตนใดกำเนิดมาจากวงศ์ตระกูลนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้ที่มากด้วยบุญญาบารมี
2. พญานาคในตระกูลเอราปถ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็นพญานาคชั้นสูง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบอัณฑชะ คือกำเนิดจากฟองไข่ เชื่อว่าอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล ลึกลงไปจากใต้ดินถึง 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร บากพวกอาศัยอยู่ในถ้ำ ลึกถึง 50 โยชน์ หรือ 800 กิโลเมตร เชื่อว่าเป็นพญานาคตระกูลที่พบได้มากที่สุด เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงามไม่แพ้ตระกูลวิรูปักข์ มีลำตัวเขียวมรกตจงกลนี เกล็ดมรกตสีไพลมณีรัตนชาติ มีลักษณะออกไปทางงูใหญ่ มักขึ้นมาบนโลกมนุษย์บ่อยครั้ง จึงทำให้เกิดตำนานรักมากมายระหว่างพญานาคตระกูลนี้กับมนุษย์ แม้จะถือกำเนิดจากฟองไข่ แต่หากมีการบำเพ็ญเพียรบารมี จนมีอานุภาพแก่กล้า ก็สามารถถูกจัดให้เป็นพญานาคในชนชั้นปกครองได้เช่นเดียวกัน
3. พญานาคในตระกูลฉัพพยาปุตตะ หรือตระกูลสีรุ้ง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบชลาพุชะ คือกำเนิดจากครรภ์ มีถิ่นอาศัยที่นครบาดาล ใต้ดิน ในป่าลึก หรือบนภูเขา เป็นพญานาคที่มีลักษณะสวยงามมาก เนื่องจากนาคที่จัดอยู่ในตระกูลนี้มีหลายสีด้วยกัน กล่าวคือหากไม่ได้มีกายสีทอง สีเขียว หรือสีดำ ก็สามารถจัดอยู่ในตระกูลนี้ได้หมด และพญานาคบางตนยังมีเกล็ดหลายสีในตัวเดียวกันอีกด้วย นาคตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะมีกายสีเลื่อมรุ้งมรุลี สีโกเมนสุริยฉัตรปภัศร เป็นตระกูลที่พบได้น้อย และยังมีถิ่นที่อยู่ที่ลึกลับอีกด้วย
4. พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ หรือตระกูลสีดำ ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบสังเสทชะ คือกำเนิดจากเหงื่อไคลและสิ่งหมักหมม ไม่ถือเป็นพญานาคชั้นสูง แต่ก็เป็นตระกูลที่มีฤทธานุภาพไม่แพ้พญานาคตระกูลอื่นเช่นกัน ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นที่อยู่เร้นลับ และพบเจอได้ยากมาก เนื่องจากพญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะนอนหลับเป็นระยะเวลานาน มีกายเป็นนิลกาฬมหิธร มีเกล็ดเป็นนิลปาศรอมรสุภรัตน์ พญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพญานาคในตระกูลอื่นๆ
พญานาคทั้ง 4 ตระกูลที่ได้กล่าวมานั้น เป็นส่วนหนึ่งในตำนานที่ได้มีการบันทึกไว้ แต่ที่จริงแล้วเชื่อว่าพญานาคนั้นน่าจะมีวงศ์วานว่านเครือมากกว่านี้อย่างแน่นอน แต่ทั้ง 4 ตระกูลใหญ่นี้นับเป็นตระกูลที่มีฤทธิ์เดชมากที่สุด ทั้งยังมีเรื่องราวเล่าขานสืบต่อกันมามากที่สุดเช่นกัน
ตั้งแต่โบราณมาแล้วเชื่อกันว่า พญานาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คงหนีไม่พ้นพญานาคในตระกูลวิรูปักข์อย่างแน่นอน เนื่องด้วยไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิดที่สูงส่ง มากด้วยบุญญาบารมีและอิทธิฤทธิ์ นาคตระกูลนี้ยังถูกจัดอยู่ในชั้นเทพ ไม่มีการผูกเวรกับพญาครุฑ ทั้งยังเป็นพญานาคในชนชั้นปกครอง ที่มีหน้าที่ดูแลพญานาคในตระกูลที่ต่ำกว่า เชื่อว่าหากพญานาคตนใดในตระกูลนี้ ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะแล้ว จะไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งมนต์อาลัมพายน์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมนต์สะกดจิตพญานาคที่น่ากลัวที่สุดอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ตระกูลวิรูปักข์จะถือเป็นตระกูลใหญ่ แต่พญานาคที่พบได้มากที่สุดกลับเป็นตระกูลสีเขียวหรือตระกูลเอราปถ เนื่องจากความใกล้ชิต และติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ง่าย ทั้งยังเป็นชนชั้นที่มีอำนาจบารมีมาก นาคตระกูลนี้ส่วนมากจิตใจดี ชอบช่วยเหลือมนุษย์ ทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจของคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี และพญานาคในวงศ์ตระกูลนี้ ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือ องค์พญาศรีสุทโธนาคราช และนางพญาศรีปทุมมานาคินี แห่งเวียงนาคินทร์คำชะโนดนั่นเอง
ส่วนพญานาคตระกูลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม และความหลากหลายของสีวรกาย คงหนีไม่พ้น ตระกูลฉัพยาปุตตะ นั่นเอง ด้วยความที่พญานาคในตระกูลนี้ เป็นตระกูลที่มีหลากหลายสีสัน และส่วนใหญ่ก็จะเป็นนางพญานาคินี หรือพญานาคเพศเมีย จึงขึ้นชื่อในเรื่องของความงาม แม้ในยามที่เป็นนาค หรือยามที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ก็ตาม
พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ แม้จะไม่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงามมากนัก เนื่องจากเป็นพญานาคตระกูลสีดำนิลกาฬมหิธร แต่ในด้านของพลังอำนาจ อิทธิปาฏิหาริย์แล้ว พญานาคในตระกูลนี้ก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะในครั้งพุทธกาล ที่พญานาคในตระกูลนี้ นามว่า “พญากาฬนาคราช” เป็นผู้นอนรอรับถาดทองคำ ที่องค์พระโพธิสัตว์ทรงอธิษฐานก่อนบรรลุธรรมเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง นับว่าเป็นตระกูลนาคา ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลอื่นเลยก็ว่าได้
ตามความเชื่อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพญานาคในตระกูลใดก็ตาม เมื่อถือกำเนิดมา จะต้องมีการบำเพ็ญเพียร ถือศีลภาวนา เพื่อเพิ่มญาณบารมี และพลังอำนาจให้แก่ตนเอง ดังนั้นแม้จะอยู่ในตระกูลที่ต่ำกว่า แต่หากบำเพ็ญเพียรจนมีญาณบารมีมาก ก็สามารถขึ้นไปเป็นชนชั้นปกครองได้เช่นกัน ดังเช่นองค์นาคาธิบดีทั้ง 9 ที่ปกครองเวียงนาคินทร์ในเขตแดนต่างๆทั่วโลก ก็ล้วนได้รับการคัดเลือกมาจากตัวแทนพญานาคจากทั้ง 4 ตระกูลนั่นเอง
นอกจากนั้นแล้ว การบำเพ็ญเพียรภาวนาให้มีญาณบารมีมาก ยังส่งผลให้พญานาคตนนั้น สามารถแผ่เศียร หรือแผ่พังพานได้มากขึ้นตามบารมีที่มีมากขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งการแผ่เศียรนี่เอง ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ รวมถึงชนชั้นของพญานาคตนนั้นๆได้
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ความเชื่อเรื่องของพญานาคนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนมาถึงปัจจุบันนี้ ความเชื่อเหล่านั้นก็ไม่เคยเสื่อมคลายลง ท่านผู้ฟังหลายท่าน ก็คงจะมีพญานาคราชที่ตนเองบูชา เคารพนับถือ และชื่นชอบอยู่ในใจกันอยู่แล้ว ไม่ว่าท่านจะนับถือพญานาคราชตนใด อยู่ในตระกูลไหนก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเชื่ออย่างมีสติ ไม่หลงงมงายจนเกินไป และเชื่อแบบไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และจะดีที่สุดหากท่านนำพลังแห่งศรัทธาเหล่านั้น มาเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราอยากกระทำความดีต่อไป
บทความโดย : เพจตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค
ห้ามคัดลอกไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
"ขออนุญาตแบ่งปันและขอบคุณบทความดีๆ"