https://spirit-heart.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 บารมี story

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2562

4 ตระกูลพญานาคราชที่ยิ่งใหญ่ *รู้แล้วศรัทธาบูชา ให้สัมฤทธิ์ผล*

  ใครที่ได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กันกับ*พญานาคราช*นั้นมาแต่ภพใด   
 ก็จะสามารถพบเจอในความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคราชนั้นได้อย่างไม่คาดฝัน ! 
 ส่วนตัวของเราแล้ว...มีความเชื่อ และศรัทธาในองค์ *พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช* 
  ได้ศรัทธาองค์ปู่ มาเป็นเวลาประมาณ 6-7 ปี ที่ผ่านมาเห็นจะได้ ซึ่งในปีแรกๆ นั้น  

  องค์ท่านได้ผ่านมาให้เห็นทางนิมิต ก็คือฝันเห็นในตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง !  
 เป็นพญานาคราชสีวรกาย *เขียวทอง* ลอยอยู่บนเหนือน้ำใสสะอาด ชูพระเศียร 
 ขึ้นมาอยู่เหนือพื้นน้ำ มีดวงตากลมสีเขียวไพลอ่อนๆ สีใสแวววาวสว่างสวย  
  มองมาที่เรา ความรู้สึกในตอนนั้นคือ *แสนมหัศจรรย์* จึงจดจำได้ติดตาตรึงใจ !  

  ซึ่งเรารู้และสัมผัสได้ถึงความใจดีมีเมตตา และแฝงมาสวดมนตร์สร้างบุญบารมี  
  ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์นี้ เรายังคงเชื่อว่ามีความลึกลับมหัศจรรย์ ! ซ้อนอยู่  
  ตาคนเราทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ  เพียงรับรู้ได้ดีแค่..แต่บางคนเท่านั้น ! 
 " ดังจะเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้รู้ พอนึกภาพออกก็จะคล้ายๆ กับรูปภาพท้ายนี้ค่ะ " 
hqdefault

  ขอขอบคุณ ++ 2 บทความน่ารู้..ต้องรู้ !!  

ก่อนจะบูชา..ต้องรู้!! "สีวรกายพญานาค" บอกถึงสิ่งใด?? สายขาว-สาวดำ อยากเจริญรุ่งเรือง-มีเงินทอง ต้องบูชาองค์ใด? เช็คด่วนๆ!!



เรียกเป็น "ปีแห่งพญานาค" โดยแท้จริงๆ หลังบรรดาผู้ศรัทธายังคงหลั่งไหลไปกราบสักการะบูชา "องค์พญานาคราช" ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีตำนานและความเชื่อ โดยเฉพาะที่วัดคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และเมื่อเร็วๆนี้ยังมีการค้นพบ "เกาะเจ้าแม่นาคี" หลานสาวองค์เดียวของ "เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช" ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เช่นเดียวกัน ก็ยิ่งสร้างความฮือฮา

และจากที่ "หมอลักษณ์ เรขานิเทศ" โหรชื่อดังชื่อดังได้กล่าวไว้ว่า ปีพุทธศักราช 2560-2565 นั้นเป็นมหามงคลแห่งปี "พญานาคราชประทานพร" ที่เชื่อวาหากใครได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กับพญานาค "พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช" นั้นจะโชคดี มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น เป็นบุญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ก็ทำให้มีผู้หันมาบูชาพญานาคกันมากขึ้น แต่ก่อนที่จะบูชานั้น เคยทราบกันหรือไม่ว่า พญานาคแต่ละองค์ มีความแตกต่างกัน ดังจะเห็นได้จาก "สีวรกาย" ที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่สีสันธรรมดาทั่วๆไป แต่ยังแฝงไปด้วยความหมาย เพราะฉะนั้นหากอยากโดดเด่นด้านใด ต้องเลือกบูชาให้ถูกต้องตามคุณลักษณะด้วย ซึ่งบอกไว้ว่า
รกายสีขาว เชื่อว่า  ท่านคือผู้ทรงศีลทรงธรรม ใกล้หลุดพ้นภพภูมินาคา

วรกายสีเขียว เชื่อว่า ท่านคือผู้หยั่งรู้ทิพยโอสถ ช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย

วรกายสีดำ  เชื่อว่า ท่านมีอุปนิสัย ดุดัน ชอบสันโดษ เรียบง่าย และมีหน้าที่ปกป้องทรัพย์สมบัติ  ใครต้องการทรัพย์จากพญานาค ก็มักจะบูชาพญานาคที่มีวรกายสีดำ
วรกายสีทอง  เชื่อว่า ท่านคือผู้ที่ใกล้ชิดและคอยดูแลพระอริยสงฆ์ และเหล่าเทวดา ชอบฟังธรรม สวดมนตรา
 
วรกายสีแดง  เชื่อว่า ท่านคือผู้ทรงฤทธิ์ มีพิษร้ายแรง

ขอบคุณข้อมูลจาก nakanews

10
ตามความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานแล้ว เชื่อว่าพญานาคนั้นมีจริง พญานาคนั้นเป็นสัตว์กึ่งเทพ จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับงู แต่มีลักษณะใหญ่โตมาก มีหงอน มีเกล็ดสีดำมะเมื่อม มีทั้งที่นิสัยดีและค่อนข้างดุร้าย สามารถอยู่ใต้บาดาล และขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์ก็ได้เช่นกัน
แม้ว่าจะมีผู้พรรณนาลักษณะของพญานาคไว้มากมาย แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นตัวจริงของพญานาคด้วยตาของตนเอง จะมีปรากฏก็เพียงในนิมิต หรือในความฝันเท่านั้น โดยไม่ใช่ทุกคนที่สามารถนิมิตเห็นพญานาคได้ หากมิใช่พระเกจิอาจารย์หรือผู้ที่มีบุญกรรมต่อกันแล้ว ก็ยากยิ่งที่จะสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากพญานาคเป็นสัตว์ที่มีกายทิพย์ และมีที่อยู่อาศัยเป็นทิพย์นั่นเอง
hqdefault
พญานาคนั้นนอกจากมีฤทธานุภาพมาก สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ยังมีพิษที่มีอานุภาพรุนแรงเหลือคณา เชื่อว่าพญานาคนั้นมีพิษมากถึง 64 ชนิด ต้องมีการคายพิษไว้ในที่เร้นลับทุก 15 วัน เนื่องจากหากไม่คายก็จะมีพิษอยู่ในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้พิษย้อนเข้าตัวได้ และเมื่อเลื้อยไปที่ใด ต้องอ้าปากไว้เสมอ เนื่องจากพิษในกายที่มีความรุนแรงและร้อนระอุ การอ้าปากทำให้บรรเทาความร้อนจากพิษในกายได้ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่ารูปปั้นพญานาคส่วนใหญ่จึงอยู่ในลักษณะอ้าปากนั่นเอง
พญานาคนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม โดยขดตัวเป็นบัลลังก์ เรียกว่า “นาคบัลลังก์” หรือนอนราบเหยียดยาว และจากนั้นสภาพร่างกายก็จะกลับกายเป็นหิน ไม่ได้ย่อยสลายเหมือนซากพืชซากสัตว์ทั่วไป และมักจะพบร่างกายของพญานาคอยู่ในถ้ำลึก หรืออยู่ใต้แม่น้ำใหญ่ แต่หากเป็นพญานาคในตระกูลสูง ที่มีญาณบารมีแก่กล้า เมื่อสิ้นอายุขัย ร่างกายก็จะแตกดับและสลายไปในทันที
%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2594
ตามที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนานั้น เชื่อว่าพญานาคปกครองด้วยท้าววิรูปักข์ หนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา และจากนิทานปรัมปราหรือเรื่องเล่าต่างๆที่มีการบันทึกไว้ กล่าวว่าพญานาคนั้นสามารถจัดเป็นตระกูลได้ 4 ตระกูลใหญ่ๆ ซึ่งมีอำนาจ ฤทธานุภาพ และถิ่นที่อยู่แตกต่างกัน รวมถึงจำนวนพญานาคในแต่ละตระกูลก็ยังมีมากน้อยต่างกันอีกด้วย กล่าวคือ...
%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25AB
1. พญานาคในตระกูลวิรูปักข์ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็นพญานาคชั้นสูง หรือชนชั้นปกครอง ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดาและนางฟ้า มีอาหารเป็นทิพย์ และมีที่อยู่เป็นทิพย์วิมาน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่นและสวยงามที่สุด คือ มีลำตัวสีรุจน์อุไรวรรณจันทราภา มีเกล็ดทองคำบุศรินทร์ หรือสีทองมหิธาสุวรรณชาด เชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจมากที่สุด สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้แม้แค่ใช้สายตามอง พญานาคตนใดกำเนิดมาจากวงศ์ตระกูลนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้ที่มากด้วยบุญญาบารมี
1436360759-7e4ee8e31e-o
2. พญานาคในตระกูลเอราปถ หรือตระกูลสีทอง ถือเป็นพญานาคชั้นสูง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบอัณฑชะ คือกำเนิดจากฟองไข่ เชื่อว่าอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล ลึกลงไปจากใต้ดินถึง 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร บากพวกอาศัยอยู่ในถ้ำ ลึกถึง 50 โยชน์ หรือ 800 กิโลเมตร เชื่อว่าเป็นพญานาคตระกูลที่พบได้มากที่สุด เป็นพญานาคที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงามไม่แพ้ตระกูลวิรูปักข์ มีลำตัวเขียวมรกตจงกลนี เกล็ดมรกตสีไพลมณีรัตนชาติ มีลักษณะออกไปทางงูใหญ่ มักขึ้นมาบนโลกมนุษย์บ่อยครั้ง จึงทำให้เกิดตำนานรักมากมายระหว่างพญานาคตระกูลนี้กับมนุษย์ แม้จะถือกำเนิดจากฟองไข่ แต่หากมีการบำเพ็ญเพียรบารมี จนมีอานุภาพแก่กล้า ก็สามารถถูกจัดให้เป็นพญานาคในชนชั้นปกครองได้เช่นเดียวกัน
IMG_1218
3. พญานาคในตระกูลฉัพพยาปุตตะ หรือตระกูลสีรุ้ง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบชลาพุชะ คือกำเนิดจากครรภ์ มีถิ่นอาศัยที่นครบาดาล ใต้ดิน ในป่าลึก หรือบนภูเขา เป็นพญานาคที่มีลักษณะสวยงามมาก เนื่องจากนาคที่จัดอยู่ในตระกูลนี้มีหลายสีด้วยกัน กล่าวคือหากไม่ได้มีกายสีทอง สีเขียว หรือสีดำ ก็สามารถจัดอยู่ในตระกูลนี้ได้หมด และพญานาคบางตนยังมีเกล็ดหลายสีในตัวเดียวกันอีกด้วย นาคตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะมีกายสีเลื่อมรุ้งมรุลี สีโกเมนสุริยฉัตรปภัศร เป็นตระกูลที่พบได้น้อย และยังมีถิ่นที่อยู่ที่ลึกลับอีกด้วย
%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25B0
9
4. พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ หรือตระกูลสีดำ ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบสังเสทชะ คือกำเนิดจากเหงื่อไคลและสิ่งหมักหมม ไม่ถือเป็นพญานาคชั้นสูง แต่ก็เป็นตระกูลที่มีฤทธานุภาพไม่แพ้พญานาคตระกูลอื่นเช่นกัน ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นพญานาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นที่อยู่เร้นลับ และพบเจอได้ยากมาก เนื่องจากพญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะนอนหลับเป็นระยะเวลานาน มีกายเป็นนิลกาฬมหิธร มีเกล็ดเป็นนิลปาศรอมรสุภรัตน์ พญานาคในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพญานาคในตระกูลอื่นๆ
พญานาคทั้ง 4 ตระกูลที่ได้กล่าวมานั้น เป็นส่วนหนึ่งในตำนานที่ได้มีการบันทึกไว้ แต่ที่จริงแล้วเชื่อว่าพญานาคนั้นน่าจะมีวงศ์วานว่านเครือมากกว่านี้อย่างแน่นอน แต่ทั้ง 4 ตระกูลใหญ่นี้นับเป็นตระกูลที่มีฤทธิ์เดชมากที่สุด ทั้งยังมีเรื่องราวเล่าขานสืบต่อกันมามากที่สุดเช่นกัน
ตั้งแต่โบราณมาแล้วเชื่อกันว่า พญานาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คงหนีไม่พ้นพญานาคในตระกูลวิรูปักข์อย่างแน่นอน เนื่องด้วยไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิดที่สูงส่ง มากด้วยบุญญาบารมีและอิทธิฤทธิ์ นาคตระกูลนี้ยังถูกจัดอยู่ในชั้นเทพ ไม่มีการผูกเวรกับพญาครุฑ ทั้งยังเป็นพญานาคในชนชั้นปกครอง ที่มีหน้าที่ดูแลพญานาคในตระกูลที่ต่ำกว่า เชื่อว่าหากพญานาคตนใดในตระกูลนี้ ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะแล้ว จะไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งมนต์อาลัมพายน์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมนต์สะกดจิตพญานาคที่น่ากลัวที่สุดอีกด้วย
%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AA
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ตระกูลวิรูปักข์จะถือเป็นตระกูลใหญ่ แต่พญานาคที่พบได้มากที่สุดกลับเป็นตระกูลสีเขียวหรือตระกูลเอราปถ เนื่องจากความใกล้ชิต และติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ง่าย ทั้งยังเป็นชนชั้นที่มีอำนาจบารมีมาก นาคตระกูลนี้ส่วนมากจิตใจดี ชอบช่วยเหลือมนุษย์ ทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจของคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี และพญานาคในวงศ์ตระกูลนี้ ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือ องค์พญาศรีสุทโธนาคราช และนางพญาศรีปทุมมานาคินี แห่งเวียงนาคินทร์คำชะโนดนั่นเอง
2
ส่วนพญานาคตระกูลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม และความหลากหลายของสีวรกาย คงหนีไม่พ้น ตระกูลฉัพยาปุตตะ นั่นเอง ด้วยความที่พญานาคในตระกูลนี้ เป็นตระกูลที่มีหลากหลายสีสัน และส่วนใหญ่ก็จะเป็นนางพญานาคินี หรือพญานาคเพศเมีย จึงขึ้นชื่อในเรื่องของความงาม แม้ในยามที่เป็นนาค หรือยามที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ก็ตาม
%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25B1
พญานาคในตระกูลกัณหาโคตมะ แม้จะไม่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงามมากนัก เนื่องจากเป็นพญานาคตระกูลสีดำนิลกาฬมหิธร แต่ในด้านของพลังอำนาจ อิทธิปาฏิหาริย์แล้ว พญานาคในตระกูลนี้ก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะในครั้งพุทธกาล ที่พญานาคในตระกูลนี้ นามว่า “พญากาฬนาคราช” เป็นผู้นอนรอรับถาดทองคำ ที่องค์พระโพธิสัตว์ทรงอธิษฐานก่อนบรรลุธรรมเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง นับว่าเป็นตระกูลนาคา ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตระกูลอื่นเลยก็ว่าได้
ตามความเชื่อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพญานาคในตระกูลใดก็ตาม เมื่อถือกำเนิดมา จะต้องมีการบำเพ็ญเพียร ถือศีลภาวนา เพื่อเพิ่มญาณบารมี และพลังอำนาจให้แก่ตนเอง ดังนั้นแม้จะอยู่ในตระกูลที่ต่ำกว่า แต่หากบำเพ็ญเพียรจนมีญาณบารมีมาก ก็สามารถขึ้นไปเป็นชนชั้นปกครองได้เช่นกัน ดังเช่นองค์นาคาธิบดีทั้ง 9 ที่ปกครองเวียงนาคินทร์ในเขตแดนต่างๆทั่วโลก ก็ล้วนได้รับการคัดเลือกมาจากตัวแทนพญานาคจากทั้ง 4 ตระกูลนั่นเอง
%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580%25E0%25B9%2580
นอกจากนั้นแล้ว การบำเพ็ญเพียรภาวนาให้มีญาณบารมีมาก ยังส่งผลให้พญานาคตนนั้น สามารถแผ่เศียร หรือแผ่พังพานได้มากขึ้นตามบารมีที่มีมากขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งการแผ่เศียรนี่เอง ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ รวมถึงชนชั้นของพญานาคตนนั้นๆได้
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ความเชื่อเรื่องของพญานาคนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนมาถึงปัจจุบันนี้ ความเชื่อเหล่านั้นก็ไม่เคยเสื่อมคลายลง ท่านผู้ฟังหลายท่าน ก็คงจะมีพญานาคราชที่ตนเองบูชา เคารพนับถือ และชื่นชอบอยู่ในใจกันอยู่แล้ว ไม่ว่าท่านจะนับถือพญานาคราชตนใด อยู่ในตระกูลไหนก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเชื่ออย่างมีสติ ไม่หลงงมงายจนเกินไป และเชื่อแบบไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และจะดีที่สุดหากท่านนำพลังแห่งศรัทธาเหล่านั้น มาเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราอยากกระทำความดีต่อไป
บทความโดย : เพจตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค

ห้ามคัดลอกไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
"ขออนุญาตแบ่งปันและขอบคุณบทความดีๆ"

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เลขท้ายเด็ด ! @ บัตรประชาชน..บอกนิสัยลึกๆได้ตรงจริงๆ


ดูโพสต์ท้ายบล็อกนี้! "ความเชื่อตัวเลขท้ายบัตรประชาชน"
อ่านแล้วแม่นมาก ๆ เหมือนกับนิสัยของเราจริงๆ เลขตัวท้าย
ของเราเป็นเลข 0 ซึ่งตัวเราเป็นคนที่มีนิสัยแบบนั้น มันตรง!ที่
บอกว่า เป็นคนมีโอกาส แต่ต้องพลาดโอกาสดีๆไป เพราะมัก
จะคิดมาก ลังเล กล้าๆกลัวๆ จนพลาดโอกาสดีๆ นั้นไปหลาย
ครั้งด้วยกัน  รวมทั้้งโอกาสที่เข้ามาตอนนี้และกำลังเกิดขึ้น !! 

ซึ่งขณะนี้กำลังทำตัวเองในการรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ยังคงอยู่ไป
กับตัวเราให้ได้อีกสักระยะหนึ่ง ! รอสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตให้
พร้อมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น  ก็ต้องใช้เวลาในการ
ยื้อโอกาสนี้ไว้ให้ได้ ด้วยความอดทนมุ่งมั่น ยอมฝืนดัดนิสัยตัวเอง
อยากรู้จัง ! ว่าความอดทนของตัวเรา จะสามารถยื้อโอกาสนี้ไว้
ได้สำเร็จหรือไม่ ? โดยที่...ไม่ไปย่ำยีศักดิ์ศรีซ้ำเติม! ด้วยตัวเอง ! 

100 วัน ผ่าน ! ได้มั่ย!? ถ้ารู้ ! และรักตัวเองก็ต้องทำให้ได้ ! 

แล้วคุณล่ะ ! ท้ายบัตรประชาชนเป็นเลขอะไร ? มันบอกนิสัยลึกๆ
ได้ตรงหรือไม่?! อย่าพลาด! เลขท้ายเด็ดดี!นี้ไป ดั่งตำราซุนวูว่าไว้
" รู้เขา รู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง "



เลขท้ายบัตรประชาชนของคุณ สามารถบอกนิสัยลึกๆของคุณ

สำหรับคนที่ชอบดูดวงมีความเชื่อเรื่องดวงเรื่องโชคขอให้คุณทำนายดูนะ เลขท้ายบัตรประชาชนของคุณ ลองใช้วิจารณญาณเอานะยังไงก็ไม่เสี ยหายอะไร
เลขท้ายที่เป็นเลข 0
เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีคุณธรรมและเมตตาธรรม จิตใจดีมีความรับผิดชอบสูง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เฉลียวฉลาด ปราดเปรื่อง มีปฏิภาณในไหวพริบอันยอดเยี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปรารถนาการเป็นบุคคลแถวหน้า และการได้รับความยอมรับนับถือจากผู้คนรอบข้าง แต่คุณเป็นคนที่มีโอกาส แต่ต้องพล าดจังหวะดีๆ ในชีวิตตลอด หลายครั้ง เพราะเกิดการลังเล กล้าๆ กลั วๆ
เลขท้ายที่เป็นเลข 1
แสดงถึงความเด็ดเดี่ยว กล้าทำ กล้าแสดงออก เป็นผู้นำใน หน้าที่การงานอยู่ในจำพวกแนวหน้า และบางครั้งถูกคนอื่นมาขอความช่วยเหลือทั้งทรัพย์สินเงินทอง และคำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่หากไม่พอใจใครแล้ว เขาจะไม่สนใจเลย เป็นจำพวกหยิ่ งในศักดิ์ศรี  ไม่ยอมก้มหัวเพื่อลด ศักดิ์ศรีให้ใคร  จะมีนิสัยละเอียดอ่อนในเรื่องความรัก หมดเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อความรัก ในอนาคตหากเป็นนักธุรกิจจะประสบความสำเร็จและสามารถทำงานได้ดีทุกแขนง
เลขท้ายที่เป็นเลข 2
แสดงถึงความสำเร็จความอบอุ่นจากมิตรและบริวาร แต่บางครั้งไม่ค่อยมีความมั่นใจไปบ้าง เป็นคนที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว หากจะลงทุนทำธุรกิจถ้าได้ร่วมทำกับคนอื่นจะดีกว่าทำคนเดียว จะมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเป็นที่รักของเพื่อนๆ แต่บางครั้งจะโดนอิ จฉาอยู่บ่อย ๆ เพราะเสน่ห์ดีเกินไป ตามเลขศาสตร์บ่งบอกว่า หากจะให้ทำงานสำเร็จโด่งดังมีชื่อเสี ยงจะต้องทำงานร่วมกับคู่ครองตนเอง วัยกลางคนจะได้มีความสุขกับครอบครัว ฐานะดีมีความสบายขึ้นเรื่อยๆ
เลขท้ายที่เป็นเลข 3
แสดงถึงความทุ กข์ใจ จะมีปัญห าเรื่องต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่บ่อยๆ หากจิตใจไม่เข้มแข็งจะทำให้ทุ กข์ใจ ไม่สบายกายอยู่ร่ำไป และจะต้องเพิ่มการเอาใจใส่คู่ครองและครอบครัวให้มากกว่านี้ ร ะ วั ง จะมีปัญห ากับบุคคลที่ 3 เข้ามาสร้างความแต กแยกในครอบครัว เลข 3 นี้เป็นเลขแห่งเงารัก เงาร้าง ถ้าจะลงทุนทำธุรกิจไม่ควรที่จะร่วมหุ้นหรือไว้ใจบริวารให้มาก อย่าเป็นนักบุญให้ผู้อื่นจนเกิดเป็นความทุ กข์ให้กับตนเอง และหากช่วยเหลือใครแล้วจะหวังผลคงจะย าก เพราะเลข 3 เป็นเลขของผู้ให้ ๆ อย่างเดียว แต่เมื่อผ่านปัญหาทั้งปวงไปแล้วอีกไม่นานจะมีความสุขความสบายกับครอบครัวของตน
เลขท้ายที่เป็นเลข 4
แสดงถึงเลขแห่งจักรพรรดิ์ จะมีคนคอยเป็นห่วง จะเป็นที่รักใคร่ของผู้สูงอายุแต่จะมีความเหน็ดเหนื่อยมากเหมือนกัน เพราะคำว่า “แม่ทัพ” ก็รู้ความอยู่แล้วไม่มีแม่ทัพคนใดไม่มีผลงานแล้วจะได้เป็นแม่ทัพหรอกน่ะ แต่เลข 4 เป็นเลขแห่งความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ ความก้าวหน้า หากจะให้มีความเจริญก้าวหน้าเร็วๆ ก็ต้องกล้าทำกล้าแสดงออก กล้าตั ดสินใจ แต่ ร ะ วั ง จะมีเพศตรงข้ามหลงรัก และเข้ามาขอสวามิภักดิ์ด้วย และไม่ต้องเป็นห่วงจะทำอะไรก็จะมีคนคอยสรรเสริญอยู่ แต่ก่อนที่จะมีการเยินยอก็จะมีการติ ฉิ นก่อน หากอดทนไม่ สนใจความรู้สึกของคนอื่นได้ละก็ ชีวิตนี้รวยใจสบายกายแน่นอน
เลขท้ายที่เป็นเลข 5
แสดงถึงเลขแห่ง เ ว ท ม น ต์ และเสน่ห์หากับเพศทั่วไป มีความ ห ยิ่ ง ท ะ น ง ในตัวเอง ยอมก้มหัวให้ผู้อื่นได้แค่กาย แต่ใจนั้นไม่ ยอมใครเป็นที่ปรึกษาผู้อื่นได้ดีแต่ตนเองเวลา เ ดื อ ด ร้ อ น หาใครช่วยปรึกษาด้วยนั้นมีไม่ เพราะเลข 5 จะมีความสบายกาย แต่ทุ กข์ใจอยู่เรื่อย เพราะคิดมากจนเกินเหตุและจะเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตรหากทำธุรกิจเกี่ยวกับเอกสารจะประสบความสำเร็จดีมีชื่อเสี ยงแต่ไม่ว่างานด้านไหน ๆ เลข 5 ทำได้หมดแต่จะต้องมีเวลาให้กับเรื่องส่วนตัว เช่น เรื่องความรักอย่าปล่อยให้นานเกินไปจะได้พึ่งพาอาศัยบุตรและบริวาร ในภายภาคหน้าจะมีความพอดีกับชีวิตเกิดความสุขตลอดไป
เลขท้ายที่เป็นเลข 6
แสดงถึงคนที่มีดีอยู่ในตัว แต่ไม่ค่อยยอมนำออกมาใช้ อย่าปล่อยเวลากับความคิดให้มากนัก เลข 6 เสน่ห์อยู่ที่ “เงา” ของตนเอง จะมีคนรักใคร่เอ็นดูทั้ง เ ด็ ก และผู้ใหญ่ แต่ต้องแต่งตัวให้มีความเด่นในตนเอง และมีจิตสัมผัสเหนือธรรมชาติ หากได้นั่งสมาธิบำเพ็ญศีลจะมีบารมีสูงมาก ผู้คนจะรักใคร่เอ็นดู จะทำอะไรก็ล้วนแต่ประสบความสำเร็จ เลข 6 ต้องลดโทนเสี ยงลงอีกเพราะโทนเสี ยงนั้นบ่งบอกถึงอำนา จความยิ่งใหญ่เกินตัว ไม่เพราะแก่ผู้ได้ยิน ผู้ใหญ่รักใคร่เอ็นดู สนับสนุนในทางการงาน เมื่อมีปัญห าใด ๆ ก็จะเอาตัวรอดได้เสมอ จะมีความสุขในบั้นปลายชีวิต
เลขท้ายที่เป็นเลข 7
อย่าปล่อยเวลาให้เสี ยไปกับคนอื่นให้มากนัก และอย่ายึดติดอยู่กับสิ่งเดิม เพราะเลข 7 เป็นเลขที่ต้องเดินทางเพื่อทำการค้า เป็นไกด์หรือทำงานที่ต้องมีการเจรจาอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ประสบความสำเร็จดี ร ะ วั ง จะมีปัญห าเรื่องรัก ๆ  เกิดขึ้นในครอบครัว หรือเรื่องรัก 3 เส้าเกิดขึ้นในชีวิตคู่ ปัญห าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ ก็ไม่ต้องคิดให้มากนัก เพราะทุกอย่างจะคลี่คลายไปด้วยดี การเงินถึงจะไม่คล่องบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเลข 7 เป็นเลขที่ส่งลา ภผลอยู่เนือง ๆ หากผู้ใดที่ได้เลข 7 จะเหนื่อยหน่อยในระยะเริ่มต้น และอีกไม่นานจะมีความสุข มีโชคล าภ และจะได้รับความสุขกับมิตรและบริวาร
เลขท้ายที่เป็นเลข 8
แสดงถึงคนมีบุญบารมี และวาสนาดี มีชื่อเสี ยงให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ แต่ต้องหมั่นเรียนรู้เร่งศึกษาไม่อยู่นิ่ง  กล้าทำกล้าแสดงออก กล้าตั ดสินใจ รีบไขว่คว้าแล้วหน้าที่การงานที่ทำจะได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ และผู้ใหญ่จะให้ ความช่วยเหลือ ไม่หลงใหลใน กิ เ ล ส ตั ณ หาให้มากนัก ไม่สนุกจนลืมครอบครัวแล้วบั้นปลายชีวิตจะมีฐานะดีมาก เป็นที่น่าพอใจของวงศ์ตระกูล มีชื่อเสี ยงเป็นที่นับถือจากคนทั่วไป
เลขท้ายเป็นเลข 9
แสดงถึงอำนา จ ความยิ่งใหญ่ หากเป็นผู้นำจะเจริญก้าวหน้ามาก ทำงานด้วยสมองเป็นนักพูด หรือนักบรรย ายจะมีชื่อเสี ยงโด่งดัง แต่หน้าที่อันเหมาะคือ ผู้เผ ยแพร่ศๅสนๅจะมีผู้คนยกย่องสรรเสริญและยังมีจิตสัมผัส เหนือกว่าคนทั่วไป บางครั้งสามารถรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ก่อนใคร ใครได้เลข 9 จะเป็นผู้อยู่เหนือลิขิตสวรรค์ทำอะไรก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก  : postsod

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

2 มือเราร่วมช่วยแก้วิกฤติฝุ่นพิษ @ 7 ว่านมงคล ปลูกแล้วดี-เสริมโชคลาภตัวเองและครอบครัว


อากาศต้นเดือนเมษายน ปี 2562 นี้ .. 
เชียงใหม่ (บ้านเรา) ยังคงวิกฤติฝุ่นพิษกับมาพุ่ง ! 

ตั้งแต่เดือนมีนาคม อากาศที่เชียงใหม่เข้าสู่ฤดูร้อน แต่ช่วงนี้อากาศแปรปรวนพิลึก !
ขอพูดถึงอากาศเฉพาะที่เชียงใหม่  เหมือนช่วงปลายหนาวที่ตอนเช้าๆ อากาศเย็น
ตอนบ่ายร้อนผ่าว กลางคืนกลับมาเย็นจนต้องนอนห่มผ้า ไม่ต้องเปิดพัดลมเลยทุกคืน
และปีนี้มีหมอกควันและฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นๆ สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM25 
ยังครองแชมป์อันดับ 1 ของโลกที่อากาศมีคุณภาพย่ำแย่เป็นอันตราย ! ต่อผู้คน !

ผ่านไป 1 เดือนแล้วที่ไม่เคยไปแชร์โพสต์เรื่องเหล่านี้ในโซเชียล เพราะมีความรู้สึก
สงสารบ้านเมืองของเราจนบอกไม่ถูก อยากให้เหตุการณ์นี้มันผ่านพ้นวิกฤติไปไวๆ
และเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งที่เรามีบ้านเรือนไร่สวนอยู่พื้นที่รอบนอกของตัวเมือง
จึงแทบจะไม่มีผลกระทบอะไรกับสุขภาพยังคงปกติสุข ไม่เป็นอย่างที่มีข่าวแชร์กัน

ทุกๆวัน ที่บ้านไร่ ก็จะมีการรดน้ำ รดต้นไม้ รถพื้นหญ้า ถนนรอบๆไร่กันอยู่เป็นประจำ
เราก็เพิ่มฉีดพ่นน้ำยังต้นไม้รอบๆ บ้าน ให้ชุ่มชื่น เราสังเกตุเห็นว่าขณะฉีดน้ำขึ้นไป
บนต้นไม้ ก็จะมีลมเย็นพัดเข้ามาแรงกว่าปกติ จึงคิดหวังว่าคนเชียงใหม่ที่มีบ้านเรือน
ไร่นาสวน ในทุกๆบ้านคงจะช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศมากๆๆ

แล้วช่วยให้มีลมพัดฝุ่นไป และทำให้ฝนหลวงสามารถปฏิบัติการทำฝนหลวงในพื้นที่
เชียงใหม่ได้ ถึงเวลานั้นมีลม มีฝนตก ในพื้นที่ก็จะช่วยให้คุณภาพอากาศของที่นี่ดีขึ้น
ในเฟชบุค ไปยังเพื่อนๆให้ช่วยร่วมมือกันกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กำลังเร่งทำงานกันขณะนี้.




ฤดูร้อนนี้...ใจคนก็ร้อนรุ่มกลุ้มใจ ไปกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น..ใจเย็นๆ
กันดีมั้ย !? ที่หาซื้อกันได้ง่ายๆ เป็นกระถางๆ ให้พร้อมรดน้ำ สร้างบรรยากาศกันได้ง่ายๆ 
ปลูกไว้ในบ้านเรือนเราแล้วดี เสริมโชคลาภให้ตัวเองและครอบครัว ด้วยว่านมงคลกันค่ะ


ขอแนะนำ...ว่านมงคล 7 ชนิด 

ปลูกแล้วดี-เสริมโชคลาภตัวเองและครอบครัว




เมื่อพูดถึง “ว่าน” ก็ต้องนึกถึงเรื่องดี ๆ ที่จะตามหลังการปลูกและสรรพคุณอีกมากมายที่หลายคนให้ความสนใจ เอาเป็นว่าวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับว่านมงคลระดับแถวหน้า ที่คัดมาแล้วว่าดีจริงพร้อมทั้งวิธีในการปลูก หากใครที่กำลังมองหาต้นไม้งาม ๆ มาปลูกไว้ที่บ้านสักต้น ก็น่าจะเริ่มที่ว่านมงคลเหล่านี้เพื่อเสริมโชคลาภให้กับตัวเองพร้อมทั้งคนในครอบครัว
  1. ว่านรวยไม่เลิก ใบของว่านนี้จะมีลักษณะเรียวยาวหนานุ่มและมีจุดตามใบ ก้านดอกสีขาวจะออกตลอดทั้งปีแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน ปลูกโดยการแตกหน่อและตัดใบปักชำ เป็นพืชที่ชอบน้ำมากแต่ต้องตั้งอยู่ในที่แดดรำไรและอากาศถ่ายเทสะดวกไม่เช่นนั้นจะเน่าเอาง่าย ๆ
  1. ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี ลักษณะของใบทั้งกว้างและใหญ่ ปลายเรียวแหลมและก้านใบสูง ออกดอกเป็นช่อสีขาวแบ่งเป็นช่อละ 8-9 ดอก ใช้หัวปลูกลงในดินร่วนปนทรายผสมเศษอิฐและใบก้ามปู รดน้ำปานกลาง ตั้งไว้ในที่สูงที่มีแดดรำไร จะช่วยเรียกโชคลาภให้เข้ามาไม่ขาดสายและถูกหลักตามฮวงจุ้ยที่ควรจะเป็นอีกด้วย
  1. ว่านเศรษฐีก้านทอง ไม้ล้มลุกที่มีใบยาวปลายแหลมและขอบใบทั้ง 2 ข้าง พลิ้วเป็นคลื่น มีเส้นกลางเป็นสีน้ำตาลเหลืองอ่อน ออกดอกเป็นช่อสีขาวนวล ควรใช้หัวปลูกลงในดินร่วนปนทรายผสมแกลบเผา ให้ตั้งไว้ในที่แดดรำไรและรดน้ำพอชุ่มเพราะชอบความชื้น สรรพคุณคือใช้เป็นเมตตามหานิยมเรียกเงินทองให้กับผู้ปลูกจึงเหมาะกับร้านค้าหรือคนทำธุรกิจ
  1. ว่านเศรษฐีเรือนนอก เป็นพืชล้มลุกแตกกอคล้ายเศรษฐีเรือนใน มีใบยาวเรียวแต่ขอบใบทั้ง 2 ข้างจะเป็นสีขาว หากออกดอกจะถือว่าเจ้าของนั้นมีโชคลาภและช่วยป้องกันอันตรายทั้งปวง ให้ปลูกโดยการแยกหน่อหรือนำไหลมาปลูกลงดินร่วนปนทรายใหม่ ตั้งอยู่ในที่แดดไม่มาก รดน้ำพอชุ่มแต่ไม่ต้องเปียกโชก
  1. ว่านเศรษฐีเรือนใน จุดเด่นของว่านนี้คือใบเรียวยาวขอบสีเขียวและมีเส้นสีขาวตรงกลาง มีสรรพคุณที่ช่วยดูดสารพิษภายในอาคารที่พักอาศัย ต้องปลูกโดยการเอาต้นอ่อนเอามาลงดินร่วนปนทรายที่ผสมเศษอิฐ ไม่ค่อยชอบน้ำให้รดแค่สัปดาห์ละครั้งและตั้งอยู่ในที่แดดรำไร เชื่อกันว่าจะช่วยป้องกันอันตรายและเสี่ยงทายเรื่องโชคลาภ
  1. ว่านกุมารทอง ว่านชนิดนี้จะเป็นพืชล้มลุกที่มีหัวคล้ายกับเด็กนั่งอยู่บนแท่น จึงขนานนามว่าเป็น “ว่านกุมารทอง” ออกดอกเป็นพุ่มทรงกลมปีละครั้ง เมื่อดอกออกแล้วใบจะค่อย ๆ แทงยอดออกมามีลักษณะเรียวยาวปลายไม่แหลมมาก นิยมปลูกไว้เพื่อช่วยในเรื่องอยู่ยงคงกระพัน เสริมอำนาจและบารมี ทำมาค้าขายคล่องตัว แนะนำให้ปลูกไว้หน้าบ้านหรือบริเวณศาลพระภูมิ นำหัวมาปลูกในดินปนทรายระบายน้ำได้ดีจะวางไว้กลางแจ้งหรือแดดรำไรก็ได้
  1. ว่านกวักโพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง ว่านทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างกันตรงที่ลายบนหน้าใบ ถ้าเป็นกวักโพธิ์เงินจะมีลายสีขาวและกวักโพธิ์ทองมีสีแดงอมชมพู ลักษณะใบกว้างคล้ายใบโพธิ์เพราะอยู่ในตระกูลเดียวกับบอน ให้ใช้หัวหรือหน่อปลูกลงดินร่วนปนทรายผสมใบไม้แห้งและฟางข้าวหรือใบจามจุรีก็ได้ เคล็ดลับในการรดน้ำหากจะรดในตอนเย็นต้องรอให้กระถางเย็นตัวซะก่อนจึงจะรดได้ ว่านนี้ใช้ในการกวักเงินกวักทองและเสริมเสน่ห์ให้กับผู้ปลูก และยังนำหัวว่านมาพอกแผลช่วยให้หายเร็วได้อีกด้วย

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

8 ขุม(จำลอง)มหานรก @ คติธรรมคำสอนในแบบฉบับคนล้านนา






งานวันปล่อยผีในเดือนสิบสองเป็ง 
ที่วัดแม่แก๊ดน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
เป็นความเชื่อทางล้านนาที่ว่าในวันเพ็ญเดือนสิบสอง(ทางล้านนา) นรกภูมิจะปลดปล่อยวิญญาณเหล่าผีเปรตและผีต่างๆ ให้ขึ้นสู่เมืองมนุษย์ เพื่อขอรับส่วนบุญส่วนกุศลจากญาติพี่น้องที่อุทิศส่วนกุศลไปให้
ความเชื่อนี้กำลังจะเลือนหายไป ทำให้ทางวัดร่วมกับ ททท.สำนักงานเชียงใหม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูอนุรักษ์ประเพณี รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน โดยวันปล่อยผีทางล้านนาจะมีขึ้นประมาณ  ในเดือน กันยายน ของทุกปี
ขบวนแห่วันปล่อยผีที่จัดขึ้นมีขบวนแห่นรกภูมิ ที่แสดงถึงความทุกข์ทรมานในขุมนรกสำหรับผู้ทำความชั่ว ขบวนสวรรค์ภูมิ ที่มีเทวดานางฟ้าในดินแดนแห่งความสงบสุขสำหรับผู้ทำความดี และขบวนพุทธภูมิที่เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับชาวพุทธ ในช่วงค่ำยังมีการแสดงพระธรรมเทศนาแบบล้านนา และการแสดงแสงสีเสียง
เชิญชมคลิปวิดีโอ

https://www.youtube.com/watch?v=kcnxCYUsIso
นอกจากทำบุญฟังเทศน์ธรรมแล้ว ยังจะได้ชมอุทยานเมืองนรก–สวรรค์ สถานที่ปลงสังขารเวช โดยจำลองมหานรก 8 ขุม และสวรรค์ 6 ชั้น แสดงถึงการลงโทษผู้ทำบาปในนรกขุมต่างๆ ทั้งปีนต้นงิ้ว กระทะทองแดง หอกแหลมทิ่มแทง หรือผลจากการทำแท้งจนกลายเป็นเปรตและถูกทรมาน
จำลองลูกที่ดีดูแลพ่อ-แม่ยามเจ็บป่วย นักการเมืองทุจริตคอรัปชั่น เมื่อตกนรกก็กลายเป็นเปรตอสุรกาย ได้เรียนรู้ประวัติเรื่องราวนรก สวรรค์ ดินแดนพุทธภูมิ สิ่งมหัศจรรย์ลี้ลับตามตำนานในอดีต ผลจากกรรมดี-ชั่วโดยนรกแต่ละขุม มีตู้ใช้เหรียญ 10 หยอดให้ระบบแสงสีเสียงทำงาน พร้อมกับคำบรรยายคติธรรมคำสอนให้ระลึกถึงความดีงาม    "
"  ไม่ตกอยู่ในความประมาทในการดำรงชีวิต ! "

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ชีวิตคือ..ลงมือทำ! "คิดดี พูดดี ทำดี"



ค้นตู้เก็บหนังสือแล้วไปเจอสมุดบันทึกใน "กล่องบุญ"
ได้บันทึกไว้เมื่อวันพุธที่ 18 ธันวาคม 2553 
จนถึงวันนี้ 10 พฤศจิกายน 2561 รวมเป็นเวลาเกือบ 8 ปี  


จึงรู้ว่าวันเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว !
ข้อคิดที่ได้บันทึกไว้นั้น ยังคงสามารถนำมาใช้ในชีวิตทุกวันนี้ได้ดี
จึงได้นำมาบอกต่อเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวคิด! ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน

@ 18 ธ.ค. 2553 @

ดูหนังเรื่องใหม่  
ไม่สนุก = เบื่อ
ดูสนุก = ติดหนัง
บางตอน = สนุก ก็อยากติดตามไวๆ
บางตอน = ไม่สนุก ก็เบื่อเซ็งไม่ได้ดั่งใจ
อยากดู = เสียเงิน ต้องซื้อหนังสือ/DVD
ดูกำลังสนุก = ได้ดั่งใจ ก็ถึงตอนจบ !
แล้วก็หาเรื่องใหม่ดูต่อ = หมุนเป็นวัฎจักรแห่งชีวิต



จากการดูหนัง เรื่อง "ซอนต๊อก" 
ดูแล้วติด อยากติดตาม อยากรู้ไวๆ 
วันเสาร์ อาทิตย์ ถึงเวลาออกตอนใหม่มาก็รู้สึกดีใจ 
พอถึงเวลาตอนเย็นก็เตรียมตัวนั่งดู 2 ชั่วโมง ด้วยใจจดจ่อ
บางตอนไม่สนุก/ไม่ได้ดั่งใจ ก็รูสึกหดหู่ใจ ใจร้อนอยากรู้อยากดูอีก 
ลงทุนไปซื้อหนังสือมาอ่านล่วงหน้าเลย...เล่ม 2 ราคาเล่มละ 200 บาท 
แต่พอมาถึงบ้านดูกลับเป็นตอนเก่า เสียเงินอีก ! 
จะซื้อ DVD มาดูรึก็ราคาแพงตั้ง 3,500 บาท


ดิ้นรนหาช่องทางการดูอีกจนได้จาก True Money จ่าย 50 บาท
ดูแล้ว อืมม!..นางเอกตาย ไม่แฮบปี้เอนดิ้ง รู้สึกสงสาร ตามมาด้วยปลง!
แล้วต่อไปจะดูเรื่องอะไรอีกล่ะ! เหมือนได้กินแล้วก็อิ่ม ! 
 ....จึงได้รู้ว่าต่อไป....
ไม่ต้องไปเร่ง ไปอยากรู้อะไรมากอีก เพราะผลสุดท้ายก็ "ไม่ได้อะไร!?"
สู้ทำใจนิ่งๆ ดูไปเรื่อยๆ จะดีกว่า "ธรรมชาติดี!"
* ^ _______ ^ *



วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รับรู้ ! "จิตวิญญาณของแม่" มาหาบ่อยๆ (ตอนจบ)



แรกเริ่มดวงจิตดวงวิญญาณของแม่
จะมาหาในตอนกลางคืน ในวันโกณ วันพระ 
เวลาสักประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ เรามักจะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ 
โต๊ะคอมฯ ที่ใช้ทำงานจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องนอน สามารถรับรู้โดยการ
สัมผัสด้วยกลิ่น (เหมือนกับกลิ่นหนูตาย) ในตอนแรกเราก็คิดว่ามีหนูมาตายแถวนั้น


กลิ่นนั้นมากระทบจมูกประมาณสิบกว่านาทีได้ ก็ได้ลุกจากเก้าอี้แล้วมองหาอยู่
ตามซอกตามมุมในห้องนั้นก็ไม่เห็นอะไร?แล้วกลิ่นนั้นก็หายไป... ในคืนต่อมาเวลา
ประมาณเท่าเดิมก็ได้กลิ่นนั้นอีก  เราเริ่มเอะใจแล้วว่ามันไม่ใช่กลิ่นหนูตายเสียแล้ว
หันไปมองปฏิทินที่ติดอยู่ข้างผนังห้อง ก็จึงรู้ว่าเป็นคืนวันพระ...นั่นเอง !!


เมื่อเรากลับมานั่งที่โต๊ะคอมฯ อีกครั้ง ! กลิ่นนั้นก็ได้หายไป ! ลองหันหน้าไปมา
สูดกลิ่นดูก็ไม่ได้กลิ่นอะไร? พอถึงวันโกณสัปดาห์ต่อมา ขณะที่นั่งอยู่โต๊ะคอม
กลิ่นนั้นก็มาอีกครั้ง ! ทีนี่้เรามั่นใจแล้วว่าต้องเป็นวิญญาณของแม่มาหาแน่ๆ...
ยังจำที่แม่พูดไว้กับเราว่า " แม่ก็จะเฝ้ามองเราอยู่..! " 




จึงไม่พลาดโอกาสนั้นตั้งจิตพูดคุยกับดวงจิตแม่ทันที ! 
(รีบพูด ! .....ก่อนที่กลิ่นนั้นจะหายไป)
โดยบอกดวงจิตของแม่ว่า"แม่อย่าห่วงอะไร..ทุกคนอยู่สุขสบายดี" ขอให้แม่
ไปสู่สุขคติ อยู่ในภพภูมิที่ดี แล้วเราก็ได้อธิษฐานแผ่บุญกุศลที่ได้ทำมา..ฯลฯ ให้
แก่ดวงจิตดวงวิญญาณของแม่...กลิ่นที่ได้สัมผัสรู้นั้น มันทำให้เรารู้สึกปวดหัวมาก


กลิ่นที่มาสัมผัสนั้นน่าจะมาจากกลิ่นกายเดิมที่ยังไม่หมด !
ซึ่งในขณะนั้นแม่ได้ป่วยหนักจากโรคร้าย ซึ่งมาเป็นและรู้ตอนใกล้จะเสียชีวิต
ประมาณ 2-3 เดือนเท่านั้นเอง แต่ลูกๆไม่ได้บอกถึงโรคนี้ให้แม่รับรู้ เกรงว่าแม่
จะหวั่นกลัว ! จนขวัญเสีย พวกเราเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจจนกระทั่งแม่ได้จากไป !


ตอนหลังๆ ดวงจิตแม่มาหาเราบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา วันโกณ วันพระ 
ช่วงเวลาประมาณนั้นเราก็ได้กลิ่น ! อาจจะเว้นไปซักสามสี่วัน สังเกตุดูจะเป็น
ไปตามพฤติกรรมของแม่ที่ชอบทำ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง จนกระทั่งถึง
วันคล้ายวันเกิด+ครบปีที่แม่จากไป เมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้ จึงได้ไป
ทำบุญใหญ่หลายแห่ง @ที่ศาลเจ้าทำบุญโลงศพ และบริจาคโลหิตที่กาชาด

*~~~จงได้พบกับความสุขในสัมปรายภพ~~~*****







รับรู้ ! จิตวิญญาณของแม่มาหาบ่อยๆ (ตอน 2.)


คงเป็นความผูกพันกันระหว่างแม่@ลูก



เราเคยได้พูดคุยกันกับแม่ถึงเรื่อง " การเตรียมตัวก่อนตาย "
ก็เป็นเวลาประมาณสองสัปดาห์.. ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตไปจริงๆ
เรารู้สึกสังหรณ์ใจ,เป็นห่วงแม่ เพราะรู้ว่าอีกสองวันจะถึงกำหนด
ที่แม่จะต้องไปอยู่ที่บ้านพี่สาวเป็นเวลาหนึ่งเดือน





เราทั้งสองได้นั่งพูดคุยกันร่วม 2 ชั่วโมง จุดประสงค์คืออยากให้
ใจแม่สงบไม่ห่วงกังวลกับลูกๆหลานๆมากนัก เพื่อให้แม่รู้สึกผ่อนคลาย
ชวนให้แม่หมั่นสวดมนตร์ นั่งสมาธิบ้าง นั่งได้นิดๆหน่อยก็ยังดี
ซึ่งได้สมมุติขึ้นมาว่า...ถ้าตัวเรารู้ว่ากำลังจะสิ้นใจ ต้องทำอย่างไรดี!?


สิ่งใดต้องทำก่อนจะสิ้นลม ! แล้วดวงจิตดวงวิญญาณถึงจะ
ไปสู่สุขคติ อยู่ในภพภูมิที่ดี เราบอกแม่ว่า เราเองจะยึดถือพระพุทธเจ้า 
เป็นที่ตั้ง นึกถึงองค์พระประธานที่งดงาม ซึ่งประดิษฐานอยู่ในศาลาวัด...
แล้วน้อมนำส่งดวงจิตไปยังสถานที่นั้นด้วยใจอันแน่วแน่ !


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปเคลื่อนไหวดวงจิต


บอกแม่ว่าถึงเวลานั้นเราอย่าได้ห่วงอะไรกับใครอีกแล้วนะ
เพราะรู้ว่าได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้ลูกหลาน ดีเท่าที่จะทำได้ไว้แล้ว
เราย้อนถามแม่ว่า แล้วแม่ล่ะ ถ้ารู้ว่ากำลังจะสิ้นใจแม่จะทำยังไง..!?
แม่ตอบว่า :" แม่ก็จะเฝ้ามองเราอยู่นะซิ ! "ได้ยินแม่ตอบ..เรานิ่งไปสิบวิ!


เราชักไม่แน่ใจว่าที่พูดคุยกันไปเป็นชั่วโมงๆนี้แม่จะรู้เรื่องหรือเปล่า..
เพราะแม่อายุ 83 ปี แก่มากแล้ว พักหลังหลงลืมบ่อย ... เราถามแม่ว่า 
" ที่ลูกได้พูดๆไปมากมายเป็นชั่วโมงนี้..แม่พอจะเข้าใจบ้างไหม? "
แม่ก็ตอบสวนกลับมาทันที ! ว่า... " เข้าใจ๋ ก่า " (คำเมือง) 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปการ์ตูนเคลื่อนไหวยิ้ม


โปรดติดตาม...... <ตอนจบ>  เร็วๆนี้ !

รับรู้ ! จิตวิญญาณของแม่..มาหาบ่อยๆ (ตอนแรก)




รำลึกถึง"พระคุณของแม่"
ด้วยการทำบุญ
ในวันคล้ายวันเกิด" วันแม่ "สิงหาคม 2561


ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม

มูลนิธีเชียงใหม่สามัคคีการกุศล (ศาลเจ้าไต้ฮงกง)
ซ.แมคโดนัล ไนท์บาซ่าเชียงใหม่ โทร. 053-275953 , 053-277376




เดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่มีวันของแม่ 12 สิงหาคม 2561
ครบรอบ 1 ปี ของวันที่แม่ได้จากลูกไป ยังคงระลึกถึงบุญคุณอันใหญ่หลวง
ของแม่อยู่เสมอ และเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของตัวเราเองด้วย
วันคล้ายวันเกิดปีนี้ ได้ไปทำบุญถวายโลงศพ ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง ไนท์บาซาร์
และถวายผลไม้ในไร่เป็น แก้วมังกร กับลำไยสีชมพู ที่แท่นบูชาศาลเจ้า


รวมทั้งได้ไปบริจาคโลหิตที่่ สำนักงานกาชาด แห่งที่ 10  เชียงใหม่
หลังโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  และนำลำไยสีชมพูไปบริจาค 1 ลังผลไม้ และ
ในเย็นวันคล้ายวันเกิด ก็ได้สวดมนตร์ไหว้พระ นั่งสมาธิแล้วหยาดน้ำ เพื่ออุทิศ
ส่วนบุญกุศลที่ทำไปนั้นให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และคุณของบิดามารดา ฯลฯ


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปกาชาดเชียงใหม่

ที่อยู่: 196 ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ 50200โทรศัพท์: 053 212 638



ย้อนกลับมาพูดถึง ความรู้สึกว่าจิตวิญญาณของแม่ ได้มาหาบ่อยๆ
หลายคนคงแปลกใจว่า คนที่ได้เสียชีวิตแล้วมาหาได้นั้นจริงหรือ !?..
ส่วนตัวเรานั้นเป็นคนมีสัมผัสที่หก เป็นคนมีเซ้นท์แบบแดจาวู และฝันค่อนข้าง
แม่น (ในบางครั้งบางคราว)  สังเกตุว่าตัวเรานั้นจะสามารถสื่อกับจิตวิญญาณ


สามารถรับรู้ได้เพียงแค่สัมผัสกลิ่น เริ่มจากได้กลิ่นควันธูป หรือกลิ่นบุหรี่
สำหรับแม่แล้ว ได้ส่งกลิ่นไม่ค่อยดี เหมือนตอนที่ท่านป่วยใกล้จะเสียชีวิต
เนื่องจากสาเหตุการป่วยด้วยโรคร้ายนั่นเอง ... แต่เราไม่ได้บอกให้แม่รับรู้ถึง
อาการเจ็บป่วยนั้น..ซึ่งแม่เคยถาม? หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลครั้งนั้น..!


เราคิดว่าแม่คงมาหาเพราะความคิดถึงและจากความผูกพัน 
จากที่เราได้ค้นคว้าอ่านดูจากผู้มีศิล มีความรู้ทางธรรมได้กล่าวไว้เช่นนั้น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปเคลื่อนไหวดวงจิต



โปรดติดตามอ่าน...รับรู้ ! 
จิตวิญญาณของแม่..มาหาบ่อยๆ (ตอน 2.)


โพสต์แนะนำ